
เรียนรู้การใช้กล้องขั้นพื้นฐานอย่างถูกวิธี ![]() เรียนรู้การใช้กล้องสารบัญ: การใช้กล้องอย่างถูกวิธี • การเลือกใช้เลนส์ • การตั้งค่าความไวแสงของหน่วยรับภาพ • การปรับตั้งค่าความสมดุลย์ของแสงสีขาว • การตั้งความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสง • การใช้ไฟเฟลช • การใช้ขาตั้ง
การใช้กล้องอย่างถูกวิธี
ก่อนที่จะทำการถ่ายภาพ ควรใช้เวลาสักเล็กน้อยเรียนรู้หลักการและความสามารถของกล้องตลอดจนวิธีการปรับตั้งกล้องที่จะนำมาใช้ ถึงแม้ว่ากล้องยุคปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพียงเล็งไปยังวัตถุที่จะถ่ายแล้วกดปุ่มเปิดชัตเตอร์ ที่เหลือกล้องทำหน้าที่ให้หมด แต่หากเราต้องการได้ภาพที่แตกต่างออกไป เช่น ต้องการทำให้พื้นฉากหลังพร่ามัวเพื่อยังผลให้วัตถุที่เราถ่ายโดดเด่นขึ้น หรือต้องการถ่ายวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้คมชัด หรืออยากได้ภาพที่มีโทนสีที่อบอุ่นขึ้น ซึ่งถ้าเราเข้าใจการทำงานของปุ่มควบคุมต่าง ๆ ของกล้อง เราก็สามารถจัดการกับความต้องการเหล่านี้ ก่อนอื่นให้เราเรียนรู้ลำดับการใช้กล้องอย่างคร่าวๆ การเลือกใช้เลนส์ (Lens)เลนส์ (Lens) มีส่วนสำคัญต่อคุณภาพของภาพเป็นอย่างมาก เนื้อเลนส์ที่ทำจากแก้วจะมีคุณภาพดีกว่าเลนส์ที่ทำจากโพลิคาร์บอเนต เลนส์ที่ดีจะมีความใส ให้ความคมชัดและกระจายแสงได้เสมอกันทั่วทั้งภาพ (ตรวจสอบได้โดยการถ่ายภาพกำแพงเรียบ ๆ ที่มีความสว่างเท่า ๆ กันทั้งหน้า) ไม่มีอาการพร่ามัว (blur) ที่มุมภาพในขณะที่ส่วนกลางคมชัด และมีการบิดเบือนของภาพ (distortion) น้อย (เช่นถ่ายภาพของใบหน้าออกมาบวมเกินจากความเป็นจริง) เลนส์ที่ดีจึงมีราคาแพงและมีน้ำหนักมาก การเลือกใช้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสให้เหมาะกับงานก็มีความสำคัญเช่นกัน เช่น การถ่ายภาพบุคคลครึ่งตัว ควรใช้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัส ประมาณ 80 มม. ถึง 135 มม. ถ่ายภาพทิวทัศน์ ควรใช้ 35 - 50 มม. ถ่ายภาพนก ควรใช้ 250 มม.ขึ้นไป เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสสูงมีโอกาสที่ภาพจะสั่นไหวมากกว่าเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสต่ำเนื่องมาจากอัตราการขยายของภาพมากกว่า การสั่นไหวเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ภาพที่ได้ไม่คมชัด
การตั้งค่าความไวแสงของหน่วยรับภาพ (ISO)สำหรับกล้องดิจิตอลนั้น ส่วนใหญ่กล้องจะคำนวณและตั้งค่าให้โดยอัตโนมัติ แต่หากเราต้องการตั้งเองก็สามารถทำได้ การตั้งค่า ISO โดยปกติจะตั้งไว้ที่ประมาณ 80 ถึง 250 สำหรับสภาวะแสงปกติ การถ่ายภาพในที่มืดหรือภาพเคลื่อนไหวสามารถตั้งค่าที่สูงขึ้นไปอีก แต่ไม่ควรเกิน 800 เนื่องจากจะเกิดปัญหาเรื่องเม็ดสีที่แตกพร่าและมีสีผิดเพี้ยน (Noises) เป็นที่คาดกันว่าหน่วยรับภาพจะถูกพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นอีก ในอนาคตจะทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป ขนาดของหน่วยรับภาพมีความสำคัญต่อคุณภาพของภาพมาก หากความหนาแน่นของพิกเซลใกล้เคียงกัน ขนาดของหน่วยรับภาพยิ่งใหญ่ขึ้นจะให้รายละเอียดของภาพที่ดีขึ้น คมชัดขึ้นกว่าหน่วยรับภาพที่เล็กกว่า จะเห็นว่ากล้องสำหรับมืออาชีพจะใช้หน่วยรับภาพขนาด FX ซึ่งเท่ากับขนาดของฟิล์ม 35 มม. และใหญ่กว่าขนาดของหน่วยรับภาพของกล้องระดับรองๆ ลงมา การปรับตั้งค่าความสมดุลย์ของแสงสีขาว (White Balance)เนื่องจากแหล่งกำเนิดของแสงต่าง ๆ มีอุณหภูมิสีที่ต่างไปจากแสงของพระอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิสี 5,500 องศาเคลวิน เช่นแสงจากหลอดไฟจะมีสีอมเหลือง แสงจากนีออนมีสีอมฟ้า เมื่อแสงจากแหล่งกำเนิดแสงเหล่านี้ไปตกกระทบลงบนวัตถุ ก็จะทำให้ภาพของวัตถุนั้นมีสีเอนเอียงไปตามอุณหภูมิสีของแหล่งกำเนิดแสงนั้น ๆ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กล้องจึงทำการคำนวณค่าของสีชดเชยให้ โดยปกติกล้องรุ่นใหม่ ๆ จะทำหน้าที่นี้โดยอัตโนมัติ แต่ก็มีปุ่มสำหรับให้ผู้ใช้ปรับแต่งเองด้วย ในทางปฏิบัติ เรามักจะให้กล้องคำนวณหาค่าความสมดุลย์ของแสงสีขาว หากเราทดลองถ่ายแล้วเห็นว่าภาพทีได้มีโทนสีที่ไม่ถูกต้องก็สามารถทำการปรับค่าฯนี้เองได้ และถ้าเราเข้าใจนิสัยของกล้องที่ใช้อยู่ได้ดี เราก็ปรับตั้งค่าต่างๆ ตามสภาวะแสงที่เป็นอยู่ก่อนทำการบันทึกภาพก็ได้
การตั้งความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสง (อะเพอร์เจอร์ Aperture)เนื่องจากปริมาณแสงที่หน่วยรับภาพต้องการมีค่าคงตัวสำหรับ ISO หนึ่ง ๆ การปรับความเร็วชัตเตอร์กับขนาดรูรับแสง/อะเพอร์เจอร์ (Aperture) จึงต้องมีความสัมพันธ์กัน หากเพิ่มความเร็วชัตเตอร์ก็ต้องเพิ่มขนาดของรูแสงอะเพอร์เจอร์ตาม (นั่นคือค่า f จะต่ำลงเช่น จาก f/11 เป็น f/5.6) การเลือกความเร็วชัตเตอร์สำหรับภาพทั่วไปไม่ควรต่ำกว่า 125 เพราะหากต่ำกว่านี้ ภาพอาจสั่นไหวได้ การตั้งความเร็วชัตเตอร์ต่ำมักใช้ถ่ายภาพกลางคืน ถ่ายเส้นสายของแสงไฟรถที่วิ่งไปตามทาง หรือถ่ายภาพน้ำตกให้เห็นสายน้ำเป็นเส้น ๆ ฯลฯ ส่วนการตั้งความเร็วชัตเตอร์สูงมักใช้ถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหว เช่นภาพกีฬา ภาพนก ฯลฯ การตั้งขนาดรูรับแสงมีผลต่อระยะชัดลึก (ช่วงระยะห่างระหว่างจุดใกล้ที่สุดจากกล้องถึงจุดที่จะถ่ายเริ่มมีความคมชัดของภาพจนถึงระยะที่ไกลที่สุดที่เริ่มหมดความคมชัดหรือเรียกว่า “Depth of Field”) ขนาดรูรับแสงที่กว้างขึ้น ระยะชัดลึกก็จะน้อยลง ตัวอย่างเช่น ถ่ายภาพบุคคล ตาข้างหนึ่งจะคมชัด ส่วนอีกข้างซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกเล็กน้อยเริ่มพร่ามัวหลังจากที่เพิ่มขนาดรูรับแสงขึ้น การเลือกขนาดรูรับแสงอยู่ที่ประเภทของภาพ เช่น หากถ่ายทิวทัศน์ จะใช้รูรับแสงที่เล็กเพื่อให้ภาพทุกจุดคมชัด (ใช้ f/8 ขึ้นไป) หากถ่ายภาพดอกไม้หรือแมลงจะใช้รูรับแสงที่กว้างขึ้นเพื่อให้ดอกไม้เด่นและด้านหลังพร่ามัว (ใช้ f/5.6 แต่ไม่ควรกว้างกว่านี้เพราะระยะชัดลึกจะน้อยเกินไป)
กล้องประเภทคอมแพค มักไม่มีปุ่มให้ปรับตั้งความเร็วชัตเตอร์หรือรูรับแสง ต้องเป็นกล้องประเภทกึ่งมืออาชีพขึ้นไปจึงจะมีปุ่มปรับเหล่านี้ การปรับตั้งเริ่มจากเลือกรูปแบบการปรับตั้งที่ปุ่มหมุนบนกล้องก่อน แล้วจึงปรับค่าอื่นๆ ตามเงื่อนไขของรูปแบบที่เลือกไว้ ซึ่งกล้องส่วนใหญ่มีรูปแบบให้เลือกดังนี้ นอกจากไฟแฟลชขนาดใหญ่ที่ใช้กันในสตูดิโอถ่ายภาพแล้ว ไฟแฟลช (Flashlight) ที่ติดกับตัวกล้องก็มีความสำคัญ ช่วยเพิ่มแสงให้แก่วัตถุที่จะถ่าย ทำให้ภาพออกมามีสีสันที่ดีขึ้น และยังช่วยให้เราสามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ได้สูงขึ้น แม้การถ่ายภาพนอกสถานที่ซึ่งมีแสงมากพอ เราสามารถใช้แฟลชเติมแสงด้านหน้าให้วัตถุอีกเล็กน้อย (Fill In) ทำให้วัตถุสว่างขึ้น เด่นชัดและลดเงามืดที่อาจมีปรากฏอยู่ การถ่ายภาพย้อนแสงหากใช้ไฟแฟลชช่วยจะทำด้านหน้าของวัตถุซึ่งมืดอยู่สว่างขึ้น เห็นรายละเอียดได้ดีขึ้น โดยปกติแสงไฟจากแฟลชเป็นแสงที่แข็ง เวลาใช้งาน หากถ่ายในห้องจะใช้วิธีหันหัวแฟลชขึ้นด้านบนทำมุมให้แสงแฟลชสะท้อนฝ้าเพดานกลับไปที่วัตถุที่จะถ่าย จะทำให้แสงนุ่มขึ้น หรือจะสวมหัวแฟลชด้วยยางขุ่นที่ทำเฉพาะ (Diffuser) ก็ช่วยให้แสงนุ่มขึ้นได้
การใช้ขาตั้ง (Tripods)ขาตั้ง (Tripod) ช่วยยึดกล้องไม่ให้มีการสั่นไหวเวลาลั่นชัตเตอร์ ทำให้ภาพมีความคมชัดแม้จะใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำๆ เป็นเวลาหลายวินาที ดังนั้น เวลาการถ่ายภาพกลางคืน หรือเมื่อจะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ จึงต้องใช้ขาตั้งช่วยเสมอ (หากมีความจำเป็นและหาขาตั้งไม่ได้ ให้หาที่ยึดที่มั่นคง เช่นเสาไฟฟ้า โต๊ะ เวลาถ่ายให้ยึดกล้องกับตัวช่วยเหล่านี้ให้มั่นๆ อย่าให้ขยับได้แม้แต่เล็กน้อย มิฉะนั้นภาพจะออกมาไม่คมชัดได้) ช่างภาพมืออาชีพหากมีโอกาส เขามักใช้ขาตั้งช่วยในการถ่ายภาพเสมอ แม้แต่การถ่ายภาพทิวทัศน์ในเวลากลางวันซึ่งมีแสงเพียงพออยู่แล้ว ทั้งนี้เพราะเมื่อนำภาพไปขยายใหญ่ๆ ภาพก็ยังคมชัดอยู่และยังให้รายละเอียดที่ดี
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์ ผู้เชี่ยวชาญงานพิมพ์ทุกชนิดทุกประเภทไม่ว่างานเล็ก/งานใหญ่ บริการพิมพ์งานคุณภาพมาตรฐานด้วยประสบการณ์ในธุรกิจโรงพิมพ์มายาวนาน รับพิมพ์ทั้งงานเล็ก/งานใหญ่ พิมพ์สีเดียว พิมพ์สี่สี พิมพ์สอดสี หรือพิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ท ระบบดิจิตอล ซิลค์สกรีน ฯลฯ ราคายุติธรรม ส่งมอบงานพิมพ์ตรงเวลา รับให้คำปรึกษาด้านออกแบบ/งานพิมพ์
|
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |