ReadyPlanet.com
dot
บริการงานพิมพ์ทั่วไป
dot
bulletแผ่นพับ/ใบปลิว : รับทำ/พิมพ์
bulletโบรชัวร์ : รับทำ/พิมพ์
bulletแคตตาล็อก : รับทำ/พิมพ์
bulletหนังสือ/วารสาร : รับทำ/พิมพ์
bulletนิตยสาร/แมกกาซีน: รับทำ/พิมพ์
bulletรายงานประจำปี : รับทำ/พิมพ์
bulletโปสเตอร์ : รับทำ/พิมพ์
bulletปฏิทิน : รับทำ/พิมพ์
bulletการ์ด/บัตรเชิญ : รับทำ/พิมพ์
bulletนามบัตร : รับทำ/พิมพ์
bulletหัวจดหมาย : รับทำ/พิมพ์
bulletซองกระดาษ : รับทำ/พิมพ์
bulletแฟ้มกระดาษ : รับทำ/พิมพ์
bulletแบบฟอร์ม : รับทำ/พิมพ์
bulletสิ่งพิมพ์อื่นๆ : รับทำ/พิมพ์
dot
บริการงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์
dot
bulletฉลากสินค้า : รับทำ/พิมพ์
bulletกล่องบรรจุภัณฑ์ : รับทำ/พิมพ์
bulletถุงกระดาษ : รับทำ/พิมพ์
dot
บริการด้านอื่น ๆ
dot
bulletรับออกแบบจัดทำต้นฉบับ
bulletรับถ่ายภาพ/ทำรีทัช
dot
เรื่องของกระดาษ
dot
bulletกระดาษ: ความหมาย/ความเป็นมา
bulletองค์ประกอบของกระดาษ
bulletสมบัติเชิงโครงสร้างของกระดาษ
bulletกระบวนการผลิตกระดาษ
bulletชนิดของกระดาษ
bulletมาตรฐานขนาดของกระดาษ
bulletการใช้กระดาษสำหรับงานพิมพ์
dot
เรื่องของการพิมพ์
dot
bulletการพิมพ์: ความหมาย/วิวัฒนาการ
bulletประวัติการพิมพ์ในเมืองไทย
bulletประเภทของการพิมพ์
bulletขบวนการผลิตสิ่งพิมพ์
bulletหลักการเลือกใช้โรงพิมพ์
dot
เรื่องของการออกแบบสิ่งพิมพ์
dot
bulletขบวนการการออกแบบสิ่งพิมพ์
bulletองค์ประกอบและหลักการออกแบบสิ่งพิมพ์
bulletการจัดเลย์เอ้าท์โดยใช้กริด
dot
เรื่องของการถ่ายภาพ
dot
bulletประวัติของกล้องถ่ายภาพ
bulletหลักการทำงานของกล้อง
dot
เรื่องน่ารู้
dot
bulletขั้นตอนการสั่งทำงานพิมพ์
bulletข้อควรระวังในการออกแบบสิ่งพิมพ์
bulletRGB vs CMYK
bulletColour Chart vs โรงพิมพ์
bulletการจดหัวหนังสือ vs โรงพิมพ์
bulletสิ่งพิมพ์โฆษณา/ประชาสัมพันธ์
bulletคุณภาพงานพิมพ์ขึ้นอยู่กับ...
bulletถาม / ตอบ โรงพิมพ์ >>
dot
อื่น ๆ
dot
bulletบริหารและจัดการ


ค้นหาด้วยกูเกิ้ล




วันที่ : 26 เมษายน 2021
ชื่ออัลบั้ม : People > page 1
รายละเอียด:

                        

                 1         NEXT >

เคล็ดลับในการถ่ายภาพบุคคลอย่างมืออาชีพ (1) 

เรียบเรียงโดย โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์ ผู้ให้บริการการพิมพ์ครบวงจร

บทนำ

การถ่ายภาพบุคคลเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่ง เป็นการจับกิริยาท่าทางและอารมณ์ในช่วงขณะหนึ่งของแบบมาลงบันทึกในภาพ การถ่ายภาพบุคคลไม่ใช่เพียงแต่การกดชัตเตอร์ (Shutter) เพื่อให้เกิดภาพผู้คนมาบันทึกไว้ กล่าวคือ ภาพบุคคลที่มีคุณค่ามักเกิดจากผลของการใช้เทคนิคการถ่ายภาพที่ถูกต้อง (การตั้งค่าต่างๆ ของกล้อง การตั้งมุมกล้อง การจัดองค์ประกอบของภาพ แสงและเงา การจัดวางท่าทางของแบบ) และศิลปะในการบรรยายอารมณ์ออกมาจากภาพถ่ายนั้น

เคล็ดลับการถ่ายภาพบุคคลให้เป็นงานศิลปะ 16 ประการ

1 มุ่งเน้นไปยังตัวแบบ

แบบผู้ชาย ผู้หญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ หรือแบบเป็นกลุ่มที่กำลังจะถ่ายบันทึกภาพเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการถ่ายภาพบุคคล ภาพที่สามารถแสดงท่าทางและความรู้สึกของแบบออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างยิ่ง ไม่ควรมีอาการเกร็งหรือแสดงออกถึงการตั้งใจเกินไป การทำให้ทั้งช่างภาพและแบบมีความผ่อนคลายเป็นกันเองจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ในทางปฏิบัติทั้งช่างภาพและแบบควรมีการติดต่อทำความรู้จักแนะนำตัวกันก่อนถึงเวลาถ่ายทำจริง ช่างภาพควรเล่าวัตถุประสงค์ของการถ่ายภาพ แนวการถ่ายภาพที่ต้องการ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน เมื่อถึงช่วงเวลาการถ่ายบันทึกภาพ แบบซึ่งอยู่หน้ากล้องและแสงไฟที่จัดเตรียมไว้อาจมีความประหม่า เขินอาย ไม่เป็นธรรมชาติ เป็นหน้าที่ของทางช่างภาพก็ต้องคอยหาเรื่องพูดคุยกับแบบให้เกิดความผ่อนคลาย และร่วมมือกับช่างภาพด้วยดี

2 หาสถานที่ถ่ายภาพที่เข้าเกณฑ์

สถานที่ถ่ายภาพมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์สุดท้ายของภาพที่จะปรากฏออกมา การถ่ายภาพนอกสถานที่โดยอาศัยแสงธรรมชาติจะเป็นวิธีการที่สะดวกง่ายดาย การหาสถานที่เช่นตามสวนสาธารณะ สวนหน้าบ้าน โดยใช้ต้นไม้หรือสิ่งปลูกสร้างเป็นฉากประกอบมักจะเป็นที่นิยม การถ่ายภาพนอกอาคารที่ต้องอาศัยแสงธรรมชาติจะเพิ่มความลำบากในการตระเตรียม ต้องประมาณการลมฟ้าอากาศที่จะเกิด ความเป็นไปของสิ่งแวดล้อม ควรเลือกเวลาที่เหมาะกับการถ่ายทำซึ่งมักจะเป็นช่วงเช้าหรือเย็น เป็นช่วงที่ทิศทางของแดดเฉียงๆ ไม่จ้ามาก อีกทั้งอากาศก็ไม่ร้อนจนเกินไป พยายามเลี่ยงไม่ให้ตัวแบบโดนแสงแดดโดยตรงซึ่งจะทำให้เกิดแสงเงาที่แข็งไม่นุ่มนวลบนผิวของแบบ ส่วนการถ่ายภาพในห้องสตูดิโอหรือในที่ร่มมีข้อดีคือสามารถควบคุมแสงสีได้ดีกว่า ก่อนการถ่ายทำจะมีการจัดแสงไฟจำพวกไฟเฟลช (Flashlights) จัดฉากหลังให้ได้บรรยากาศที่ต้องการ หาของมาประดับเพื่อเสริมบริเวณของภาพที่ว่างเปล่าและเป็นการเพิ่มเรื่องราวให้กับภาพ ทั้งนี้การเลือกหาสถานที่ที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดค่าใช่จ่ายและเวลาในการแก้ไขภาพในภายหลัง

3 กำกับการวางท่าทางของแบบ

ช่างภาพจะเป็นผู้เห็นผ่านกล้องว่าภาพถ่ายจะออกมาเป็นอย่างไร จึงมีหน้าที่เป็นผู้กำกับให้แบบแสดงท่าทางตามที่ได้วางแผนไว้ ระหว่างเวลาถ่ายทำ คอยเก็บบันทึกภาพไปเรื่อยๆ โดยให้แบบเปลี่ยนท่าทาง เงยหน้านิด บิดตัวหน่อย หันซ้ายขวา เอนตัว ฯลฯ ฝ่ายช่างภาพก็อาจเปลี่ยนตำแหน่งกล้องเดินก้าวไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ปรับค่าต่างๆ ในตัวกล้อง เพื่อให้ได้อิริยาบถและบรรยากาศต่างๆ กัน ทั้งนี้ช่างภาพต้องหมั่นคำนึงถึงทิศทางของแสง มุมกล้องและฉากหลังขณะที่ถ่ายภาพ การบันทึกภาพหลายๆ ภาพ แม้แต่ละภาพมีความแตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆ แต่จะช่วยในการคัดเลือกภาพที่ดีที่สุดในภายหลัง บ่อยครั้งภาพที่ถ่ายเพิ่มเติมจากที่วางแผนไว้อาจถูกเลือกใช้งานก็เป็นได้ อนึ่งการวางแผนการถ่ายทำควรคิดออกแบบการวางท่าไว้หลายๆ ท่า เพราะช่วงเวลาถ่ายทำช่างภาพอาจคิดออกแบบท่าทางไม่ทัน

ข้อแนะนำ: หมั่นสะสมภาพที่สร้างสรรค์ไว้ในอัลบั้มในมือถือ มีเวลาก็เปิดภาพมาชมบ่อยๆ จะช่วยให้เกิดการพัฒนาต่อยอดในการถ่ายภาพครั้งต่อๆ ไป อีกทั้งสามารถใช้ภาพเหล่านี้นำไปเสนอเป็นตัวอย่างและแนวคิดแก่ลูกค้า ซึ่งจะเป็นการสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี

4 บันทึกภาพแบบไม่บอกกล่าว

การให้ตัวแบบตั้งท่าทางตามที่กำหนด บ่อยครั้งที่สีหน้าท่าทางของแบบจะออกมาไม่เป็นธรรมชาติ แบบจะมีอาการตั้งใจเกินไปบ้าง มีความเขินอายบ้าง มีอาการเกร็งไปบ้าง หรือรู้สึกอึดอัด แม้ว่าช่างภาพกับแบบจะมีความสนิทสนมเป็นกันเองแล้วก็ตาม ยิ่งการถ่ายภาพเด็กเล็ก การกำกับให้ทำท่าทางต่าง ๆ เป็นไปด้วยความลำบาก จึงควรหาวิธีให้ตัวแบบผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ อาจจะชวนคุย เล่ามุกเล็กๆ น้อยๆ ให้ฟัง แล้วช่างภาพก็หาจังหวะถ่ายภาพเป็นระยะๆ โดยไม่แจ้งให้แบบทราบว่าจะทำการบันทึกภาพแล้ว เพื่อให้ได้ท่าทางตามที่ออกแบบไว้ อาจจะบอกเพียงให้แบบจัดท่าทาง แต่ตอนช่วงลั่นชัตเตอร์ (Shutter) ไม่มีการแจ้งให้แบบทราบ ด้วยวิธีการนี้จะสามารถได้ภาพที่ดูดีสมจริงเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น 

ข้อแนะนำ: การใช้เลนส์เทเลโฟโต้ (Telephoto Lens) ในการถ่ายจากระยะที่ไกลขึ้น จะช่วยลดอาการเขินอายและลดความกดดันได้ดี

ภาพถ่ายบุคคล (People) หน้า 1

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com

                         NEXT >

จำนวนรูป : 111 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 26 เมษายน 2021
ชื่ออัลบั้ม : People > page 2
รายละเอียด:

                        

 < PREV       2       NEXT > 

เคล็ดลับในการถ่ายภาพบุคคลอย่างมืออาชีพ (2)  

เรียบเรียงโดย โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์ ผู้ให้บริการการพิมพ์ครบวงจร

5 จับอารมณ์และกิริยาท่าทาง

การถ่ายภาพบุคคลแนวศิลปะ เป็นเรื่องของการดึงอารมณ์และกิริยาให้แสดงออกมาจากภาพถ่าย สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นประกายในดวงตา การเเพิ่มรอยยิ้มเล็กน้อย การแสดงอาการแห่งความมั่นใจ เหล่านี้สามารถให้ภาพถ่ายนั้นๆ มีเสน่ห์ มีคุณค่าเป็นงานศิลปะได้ แต่ในทางปฏิบัติ การให้ตัวแบบแสดงอาการตามที่ออกแบบไว้ การพูดดูจะง่ายกว่าการที่แบบสามารถแสดงออกมาให้ได้ตามที่ต้องการ อย่างเช่นการให้แบบแสดงอาการยิ้ม ก็ต้องดูว่าเป็นการยิ้มแบบสมจริงเป็นธรรมชาติหรือไม่ วิธีหนึ่งในแก้ปัญหาดังกล่าวคือปล่อยเวลาสักระยะหนึ่งให้แบบพักผ่อนเพื่อปรับตัวเองให้คุ้นเคยกับสถานที่ แล้วค่อยๆ สร้างอารมณ์ตามที่วางแผนไว้ แล้วตั้งกล้องให้ดีคอยเล็งกล้องจับจังหวะบันทึกภาพเมื่อเห็นแบบแสดงท่าทางและอารมณ์ที่ต้องการ การรีบหรือเร่งลัดการถ่ายทำจะไม่ช่วยทำให้งานดีขึ้น

6 เรียนรู้การใช้กล้องอย่างคล่องแคล่ว

ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการถ่ายภาพบุคคลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นการใช้เทคนิคการถ่ายภาพที่ถูกวิธี กับศิลปะในการสร้างภาพถ่ายให้สามารถบรรยายอารมณ์และเรื่องราวออกมา  สำหรับช่างภาพมือใหม่ต้องหมั่นฝึกฝนเป็นระยะเวลาหนึ่งถึงจะมีความสามารถและมีความชำนาญในศาสตร์สายนี้ หลังจากที่เข้าใจการถ่ายภาพบุคคลแนวศิลปะแล้ว ก็ได้เวลาจัดหากล้องและเลนส์ที่ดี ไม่มีข้อแนะนำสำหรับกล้องใดๆ ที่ดีที่สุดเหนือกว่ากล้องอื่นๆ ทั้งนี้กล้องส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็สามารถถ่ายภาพบุคคลได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ขอเพียงให้ช่างภาพเข้าใจระบบและวิธีใช้กล้องอย่างมีประสิทธิภาพ ดูแสง ทิศทางของแสงและบรรยากาศของสภาพแวดล้อม ณ ขณะนั้นๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว

ข้อแนะนำในการจัดหากล้อง เลือกกล้องที่อยู่ในยุคสมัยและตัวกล้องมีปุ่มปรับค่าต่างๆ เพียงพอสำหรับการถ่ายภาพบุคคล เช่นมีปุ่มปรับรูรับแสง (Aperture) ชัตเตอร์ (Shutter) ความไวแสง (ISO) สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ หรือติดเลนส์ซูม (Zoom Lens) เป็นกล้องที่ให้ภาพรายละเอียดสูง (High Resolution) บันทึกภาพเป็นไฟล์ตระกูล RAW เพื่อสะดวกต่อการปรับแต่งภาพภายหลัง  เมื่อได้กล้องมาแล้ว ก็ควรหมั่นทำการทดลองและหมั่นฝึกฝนการใช้กล้องให้ชำนาญ ก็เพียงพอที่จะช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น

เลือกใช้เลนส์ (Lens) ที่ถูกต้อง

ในการถ่ายภาพนั้น เลนส์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในการบันทึกภาพให้ตรงกับความต้องการ และแน่นอน ไม่มีเลนส์ที่ดีที่สุดโดดตัวเดียวสำหรับการถ่ายภาพบุคคลทุกๆ กรณี มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ขณะนั้นๆ ว่าควรเลือกใช้เลนส์ตัวไหน ถ้าถ่ายภาพที่มีวิวทิวทัศน์หรือมีฉากหลังเช่นตึกหรือบ้านเป็นส่วนประกอบสำคัญ ก็ควรเลือกใช้เลนส์มุมกว้าง (Wide angle lens) แต่ถ้าถ่ายภาพบุคคลทั่วไปที่มีพื้นที่ของฉากหลังกับพื้นที่ตัวแบบบนภาพมีความสมดุลกันก็เลือกใช้เลนส์ช่วง 85 มม. ถึง 105 มม. หากเน้นภาพไปที่แบบโดยตรง มีพื้นที่ส่วนที่เป็นฉากหลังน้อย หรือพร่ามัว ก็เลือกเลนส์ระหว่าง 70 มม. ถึง 200 มม. จะเป็นเลนส์ซูม (Zoom Lens) ในช่วงระยะดังกล่าวนี้ก็ได้ จะช่วยในการตัดครอบตัดรูป (cropping) ตามที่ต้องการได้สะดวกขึ้นโดยการซูมเข้าซูมออก

8 เรียนรู้ฉากหลัง

การถ่ายภาพบุคคลโดยทั่วไป เราจะเน้นจุดสนใจไปที่ตัวแบบเป็นหลัก อย่างไรก็ดี บางครั้งมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ในฉากหลัง และถ้าเราเห็นว่าสามารถนำมาผูกเรื่องราวเข้ากับแบบได้ เช่นมีอาคารทรงโรมันสวยๆ มีน้ำตกที่แปลกตา เราก็สามารถนำฉากนั้นๆ มาประกอบอยู่ในภาพถ่าย ทำการจัดองค์ประกอบของภาพให้ดีแล้วทำการบันทึกภาพ ด้วยแนวคิดนี้นอกจากจะทำให้ภาพมีเนื้อหา ช่วยสร้างคุณค่าแล้วยังช่วยดึงให้ตัวแบบโดดเด่นขึ้นด้วย
 
โดยทั่วไปการปรับกล้องให้ฉากหลังพร่ามัว (blur) จะช่วยเน้นให้ตัวแบบดูเด่นขึ้น วิธีการทำคือการปรับรูรับแสง (Aperture) ให้มีความกว้างมากน้อยต่างๆ กัน การปรับรูรับแสงกว้างก็ทำให้ระยะชัดลึกน้อย ฉากหลังก็จะพร่ามัวมาก  ในการถ่ายภาพจึงต้องตรวจสอบดูโดยปรับขนาดรูรับแสงดูว่ามีความต้องการจะให้ฉากหลังพร่ามัวขนาดใดที่เหมาะกับภาพนั้นๆ 

9 เข้าใจการทำงานร่วมกันของความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed)รูรับแสง (Aperture) และความไวแสง (ISO)

การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) รูรับแสง (Aperture) กับความไวแสง (ISO) จะช่วยให้เราลดความผิดพลาดจากการได้ภาพถ่าย เช่น หากเราจะถ่ายภาพเคลื่อนไหวอย่างภาพนักวิ่ง เราต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์สูงขึ้นเพื่อจับภาพนักวิ่งได้คมชัดในเวลาที่สั้นมากๆ เพื่อให้ปริมาณแสงไปที่หน่วยรับภาพมากเพียงพอ เราก็ต้องเพิ่มขนาดรูรับแสงให้ใหญ่ขึ้น หรือปรับค่าความไวแสงให้สูงขึ้น มิฉะนั้นภาพที่ได้จะมืดกว่าปกติ หากเราถ่ายภาพดอกไม้ เราควรเปิดรูรับแสงกว้างขึ้นเพื่อให้ฉากหลังพร่ามัวขึ้น ดังนั้นต้องตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์สูงขึ้นหรือตั้งค่าความไวแสงลดลงเพื่อให้ได้ปริมาณแสงที่ถูกต้องให้กับหน่วยรับภาพ
 
ในปัจจุบันนี้กล้องมีความสามารถมากขึ้น สามารถคำนวณและเลือกค่าต่างๆ ได้เอง ทำให้ภาพถ่ายสมบูรณ์ขึ้น อีกทั้งทุกวันนี้ภาพถ่ายจะเป็นภาพดิจิตอล เราสามารถนำไฟล์มาแก้ไขหากภาพที่ถ่ายสว่างไปหรือมืดไปโดยใช้โปรแกรมแต่งภาพ แม้แต่การแก้ไขแสงเงา โทนสี การลบสิ่งต่างๆ ออกจากภาพ การปรับความพร่ามัวของฉากหลังเพื่อให้ตัวแบบเด่นขึ้น ต่างๆ เหล่านี้สามารถทำได้โดยใช้โปรแกรมแต่งภาพอย่างเช่น Photoshop อย่างไรก็ตาม ช่างภาพที่ดีควรฝึกฝนการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องและบันทึกภาพให้ถูกต้องสมบูรณ์แต่แรกโดยไม่หวังพึ่งการตกแต่งภาพในภายหลัง (ยกเว้นกรณีต้องรีบบันทึกภาพเหตุการณ์ในเวลาที่จำกัด)ทั้งนี้การแก้ไขภาพภายหลังเป็นเรื่องเสียเวลา บางภาพไม่สามารถเพิ่มรายละเอียดเพราะรับแสงไม่เพียงพอแต่แรก การตกแต่งภาพอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่สมจริงทำให้สิ้นเปลืองเวลา และสูญเสียโอกาสที่จะได้ภาพดีๆ 

10 ออกแบบกลุ่มสีสำหรับภาพถ่ายของคุณ

โทนของสีในภาพถ่ายมีส่วนช่วยขับเคลื่อนบรรยากาศของภาพ ภาพที่สงบควรจะเป็นโทนสีที่เย็นในขณะที่ภาพที่เร่งรีบควรเป็นโทนสีที่ร้อน ในการถ่ายภาพที่สามารถจัดรูปแบบสถานที่แสงแสงสีได้ ก็ควรพิจารณาออกแบบเลือกกลุ่มสี สีคู่ (Complementary Colors) ที่จะใช้เป็นโทนสีของภาพ สีของเสื้อผ้า ฉากหลัง สิ่งประกอบฉาก แสงสีที่ส่องไปยังแบบและฉากหลัง อนึ่งให้คำนึงถึงสีผิวของตัวแบบเป็นสำคัญในการเลือกกลุ่มสีเพื่อจะได้เข้ากันได้ ภาพครอบครัวจะดูดีหากใช้โทนสีที่อบอุ่นและสีเขียว ในขณะที่ภาพบุคคลเกี่ยวกับธุรกิจควรเป็นโทนสีน้ำเงินดำและสีเทา เป็นต้น


ภาพถ่ายบุคคล (People) หน้า 2

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Ab stracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com
 

 

 < PREV             NEXT >
จำนวนรูป : 129 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 26 เมษายน 2021
ชื่ออัลบั้ม : People > page 3
รายละเอียด:

                        

< PREV         3 

เคล็ดลับในการถ่ายภาพบุคคลอย่างมืออาชีพ (3)

เรียบเรียงโดย โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์ ผู้ให้บริการการพิมพ์ครบวงจร

11 ตรวจสอบแสง

แสงเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ และเป็นเหตุให้เราสามารถบันทึกภาพของสิ่งเหล่านั้นได้ แสงไม่ได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์มีเฉพาะความสว่างกับความมืดเท่านั้น แต่ยังมีระดับความเข้มของความสว่างต่างๆ กัน และสิ่งนี้เองเป็นส่วนช่วยในการสร้างบรรยากาศและอารมณ์ต่างๆ นานา ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับภาพถ่ายนั้นๆ

ในการถ่ายภาพ ถ้าหากทิศทางของแสงส่องจากทางช่างภาพไปที่แบบ ผลจะทำให้ภาพของแบบจะสว่างและดูแบนขาดมิติ ในทางกลับกัน หากแสงมาจากด้านหลังของแบบ ภาพแบบจะมืด ทิศทางของแสงในการถ่ายแบบมักจะเป็นมุม 45 องศา จากด้านใดด้านหนึ่งของช่างภาพ

การที่แสงจากแหล่งกำเนิดแสงโดยตรงเมื่อส่องไปกระทบกับแบบ จะทำให้ภาพที่ออกมามีแต่ส่วนที่สว่างมากกับส่วนที่มืดมาก ทางแก้ไขก็คือ หาแผ่นกระดาษฝ้าขนาดใหญ่คั่นระหว่างแสงกับตัวแบบ จะทำให้แสงถูกกระจายออกแล้วค่อยมากระทบบนตัวแบบ ทำให้ภาพของแบบดูนุ่มนวลขึ้น นอกจากนี้ ในฝั่งด้านไม่ได้รับแสงของตัวแบบอาจจะดูมืดจนไม่สามารถเห็นรายละเอียดในบริเวณนั้น ทางแก้ก็โดยการหาฉากอาจเป็นกระดาษแข็งหรือแผ่นโฟมสีขาวหรือสีเทามาตั้งมุมสะท้อนแสงจากแสงหลักเข้าไปที่แบบ นอกจากจะใช้ฉากสะท้อนแสงแล้ว ก็อาจใช้วิธีจัดชุดแสงที่มีกำลังอ่อนๆ ส่องแทนก็ได้

นอกจากเราจัดให้มีแสงนำเป็นแสงหลักแล้ว เราสามารถจัดแสงรองที่อ่อนกว่าแสงหลักเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับบริเวณที่ต้องการ บางครั้งเราต้องการเน้นเฉพาะจุดในบริเวณใดของภาพ หรือวัตถุใดในภาพ การบีบบังคับแสงเป็นลำให้มีปริมาณจะมากหรือน้อยลงในตำแหน่งนั้นๆ ก็จะช่วยเพิ่มให้เฉพาะบริเวณนั้นสว่างขึ้นเห็นรายละเอียดเพิ่มขึ้น เช่น เราอยากให้ภาพแสดงแจกันดอกไม้ข้างๆ ตัวแบบมีรายละเอียดบ้างเล็กน้อยแทนที่มองไม่เห็นเพราะอยู่ในความมืด ก็ใช้วิธีส่องไฟอ่อนๆ ผ่านกรวยบังคับแสงให้ไปตกเฉพาะบริเวณของแจกัน ก็จะได้ภาพบุคคลที่สมบูรณ์ขึ้น

12 ทดลองมุมมองกล้องที่ต่างออกไป

ช่างถ่ายภาพบุคคลมักจะตั้งกล้องในระดับสายตาของแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะได้สายตาของแบบเป็นจุดสนใจของภาพ อย่างไรก็ดีหากเราตั้งมุมกล้องที่ต่างกันออกไป เราก็จะสามารถได้ภาพถ่ายโดดเด่นขึ้นได้เช่นกัน

ลองคิดนอกกรอบโดยยกกล้องในมุมสูงกว่าแบบบ้าง หรือต่ำกว่าแบบบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นลองวางตำแหน่งกล้องให้ใกล้กับพื้นดินแล้วเงยกล้องขึ้นไปที่แบบ มุมมองนี้เป็นมุมมองที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เห็น จึงสามารถดึงให้ภาพทีได้แปลกใหม่และน่าสนใจแก่ผู้พบเห็น

เราสามารถทำให้ภาพของแบบดูผอมลง หนาขึ้น สูงขั้น หรือเตี้ยลงได้โดยปรับตำแหน่งมุมมองของกล้อง ทดลองเดินรอบแบบแล้วลองตั้งกล้องดูจนกว่าจะได้มุมมองที่เห็นว่าเป็นภาพที่ต้องการ

13 หาของมาตกแต่งประดับฉาก

การจัดของตกแต่งในฉากเพื่อเป็นส่วนประกอบในภาพถ่ายจะช่วยภาพมีสีสัน มีเรื่องราวไม่ว่างเปล่าจนเกินไป การเลือกของที่จะมาตกแต่งนั้นให้ดูความเหมาะสม ให้เข้ากับบรรยากาศและเนื้อหาของภาพ ไม่ควรตกแต่งจนกลายเป็นการดึงดูดความสนใจออกจากตัวแบบ ซึ่งจะเป็นการแย่งความสนใจจากตัวแบบ ช่างภาพมือใหม่อาจจะหาของที่อยู่ใกล้ตัว ของประดับบ้าน หยิบยืมจากพี่น้องเพื่อนฝูง ในงานที่พิถีพิถันและตัองการของที่เฉพาะเจาะจงก็ให้ลองเสาะหาจากแหล่งให้เช่าต่างๆ

14 คิดนอกกรอบ

เมื่อเราได้เรียนรู้ทฤษฎีตลอดจนหลักการต่างๆ เกี่ยวกับการถ่ายภาพ และได้ฝึกฝนจนคล่องแคล่วแล้ว บ่อยครั้งเราเมื่อเราถือกล้องเตรียมถ่ายภาพเราจะรู้สึกจำเจกับแนวภาพเดิมๆ จะเป็นการดีไหมที่เราจะลองคิดนอกกรอบบ้างเพื่อหาผลงานแปลกใหม่ไม่ซ้ำกับใคร

การคิดนอกกรอบสำหรับงานถ่ายภาพบุคคล เริ่มจากการสร้างแนวคิดใหม่ๆ มุมกล้องที่ต่างออกไป การไม่ยึดมั่นในองค์ประกอบของภาพ การจัดท่าทางของแบบที่ต่างจากเดิมๆ ตัวอย่างเช่น กฎสามส่วน (Rule of Thirds) ที่ว่าด้วยการวางจุดสนใจไว้ที่ตำแหน่งหนึ่งในสี่จุด หากเราคิดแบบนอกกรอบโดยลองเอาจุดสนใจไปอยู่ทางขวาบ้าง ตรงกลางบ้าง ขอบรูปบ้าง ก็อาจทำให้ภาพถ่ายเป็นที่น่าสนใจและท้าทายได้

15 บันทึกภาพต่อเนื่อง (Burst Mode)

การบันทึกภาพต่อเนื่อง (Burst Mode หรือ Continuous Shooting Mode) เป็นการกดชัตเตอร์ค้างไว้ทำให้เกิดการบันทึกภาพหลายๆ ภาพแบบต่อเนื่องจนได้ภาพคล้ายๆ กันออกมาชุดหนึ่ง หากกล้องและแบบ รวมทั้งฉากหลังไม่มีการเคลื่อนไหว แสงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ภาพแต่ละภาพก็ดูเหมือนกันหมด แต่ถ้าหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็จะเห็นความแตกต่างระหว่างรูปได้ ประโยชน์จาการถ่ายภาพชุดคือ เราสามารถนำเสนอภาพเรียงกันเป็นชุดผูกเป็นเรื่องราวได้ และบ่อยครั้งเราสามารถคัดเลือกรูปใดรูปหนึ่งในชุดที่ดูแล้วมีจังหวะท่าทางของแบบหรือองค์ประกอบที่ดีสมบูรณ์แบบมาใช้งานต่อไป

16 ตรวจสอบและแก้ไขภาพหลังการถ่ายทำ

บ่อยครั้งที่เราถ่ายภาพนอกสตูดิโอ เรามักจะไม่มีเวลาในการตั้งค่าต่างๆในกล้องถ่าย หรือจัดมุมมองกล้อง หรือการครอบตัดรูปตามที่ประสงค์ได้ทันท่วงที เนื่องจากแบบอาจจะเคลื่อนไหวแล้วจังหวะที่ดูดีมีช่วงเวลาสั้นๆ หากพลาดการบันทึกภาพ ณ ขณะนั้นก็จะหมดโอกาสได้ภาพที่ต้องการอีก ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ บ่อยครั้งไม่สามารถปรับค่าต่างๆ ของกล้อง ทางออกก็จึงต้องใช้วิธีแก้ไขตกแต่งภาพ (Photo Retouching) หลังจากที่การถ่ายทำผ่านไปแล้ว

ช่างภาพมือใหม่มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการตกแต่งภาพนัก เช่นเดียวกับช่างภาพสายบริสุทธิ์มักจะปฏิเสธการตกแต่งภาพ แต่อย่างไรเสียช่างภาพมืออาชีพส่วนใหญ่ก็นิยมการตกแต่งภาพ ไม่ว่าจะแก้ไขภาพเล็กๆ น้อยๆ เช่นแก้ความสว่างหรือความมืดโดยรวมของภาพ จนถึงการแก้ไขอย่างละเอียดอ่อน อย่างเช่นแก้ผิวสีของแบบ เพิ่มแสงบางส่วนของภาพ การลบวัตถุบางส่วนออกจากภาพ ฯลฯ

การครอบตัดรูป (Cropping) ก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำกันเป็นประจำ คำแนะนำสำหรับการครอบตัดภาพบุคคล คือหากจะตัดส่วนที่คิดว่าเป็นส่วนเกินของภาพ เช่น แขนก็ให้ตัดประมาณครึ่งแขนบนจะทำให้ได้สัดส่วนภาพที่ดี ให้หลีกเลี่ยงการตัดนิ้ว รองเท้า ผมส่วนบนเหนือศีรษะในกรณีที่เห็นผมส่วนอื่นในภาพได้เต็ม

สำหรับโปรแกรมที่นิยมใช้ในการตกแต่งภาพคือ Instasize Adobe Photoshop และ Lightroom

Instasize เหมาะสำหรับการใช้งานบนมือถือ ได้ทั้งระบบ iOS และระบบ Android นอกจากใช้ในการครอบตัดภาพ และย่อขยายขนาดภาพ ยังสามารถใช้ลบรอยตำหนิเล็กๆ น้อยๆ ใส่ฟิวเตอร์ต่างๆ เพื่อช่วยให้ภาพดูดีขึ้นแปลกตาขึ้น ในขณะที่ Adobe Photoshop และ Lightroom เหมาะสำหรับการทำงานของมืออาชีพและการใช้งานบนคอมพิวเตอร์เป็นหลัก

บทสรุป

สิ่งที่พึงระลึกเสมอว่าไม่มีสูตรสำเร็จ หรือขั้นตอนที่สมบูรณ์แบบในการถ่ายภาพบุคคลให้ประสบความสำเร็จ การถ่ายภาพบุคคลจะแตกต่างกันไปจากภาพหนึ่งไปอีกภาพหนึ่ง เป็นขบวนการความคิดสร้างสรรค์ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะและเทคนิคการจับอารมณ์และกิริยาท่าทางของตัวแบบลงในภาพแต่ละภาพ

ภาพถ่ายบุคคล (People) หน้า 3

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com

 < PREV        
จำนวนรูป : 125 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 26 เมษายน 2021
ชื่ออัลบั้ม : Animals
รายละเอียด:

                         
 

                1       NEXT >

การถ่ายภาพสัตว์

เรียบเรียงโดย สุพรีมพริ้นท์ โรงพิมพ์คุณภาพ เน้นบริการ

การเลือกใช้กล้องสำหรับการถ่ายภาพสัตว์

การถ่ายภาพสัตว์ก็เหมือนถ่ายภาพเด็กเล็กที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาไม่อยู่นิ่ง ทำให้การหาโฟกัสที่แบบเป็นได้ยาก (ยกเว้นกล้องสมัยใหม่ที่สามารถจับโฟกัสที่ใบหน้าหรือลูกนัยน์ตาได้ตลอดทุกการเคลื่อนไหว) และมีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการตัดสินใจลั่นชัตเตอร์เมื่อพบจังหวะท่วงท่าที่เหมาะๆ แต่ก็มีบางโอกาสสัตว์ที่เป็นแบบก็ตั้งท่าเท่ๆ นิ่งๆ ให้เราเลือกมุมถ่ายโดยไม่ต้องรีบเร่ง

การถ่ายภาพสัตว์จะใช้กล้องอะไรก็ได้ กล้องที่เหมาะสมควรเป็นกล้องดิจิตอลเพื่อสามารถนำภาพที่บันทึกไว้ขึ้นมาดูหน้าจอได้ทันทีหลังจากการถ่าย ควรเป็นกล้องที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ต่างๆ สามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ ควรเป็นกล้องที่จับโฟกัสอัตโนมัติ (Auto Focus) จะช่วยในการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ควรมีหน่วยรับแสงที่ใหญ่พอควร เป็นขนาด DSLR ขึ้นไปจะช่วยให้ภาพมีรายละเอียดที่ดีพอและสามารถครอบตัดส่วนเกินของภาพได้ในภายหลัง

การเลือกใช้เลนส์ที่เหมาะสมในการถ่ายภาพสัตว์

เลนส์แต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะของมัน สามารถแบ่งประเภทของเลนส์ตามความยาวโฟกัสได้ 3 ประเภท คือกลุ่มเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง (Wide Angle Lens) กลุ่มเลนส์ถ่ายภาพปกติ (Normal Lens) และกลุ่มเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล (Telephoto Lens) หากเราต้องการถ่ายภาพสัตว์เห็นฉากหลังเยอะๆ ก็ควรใช้เลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง แต่หากต้องการเน้นที่ตัวของสัตว์นั้น หรือถ่ายภาพจากระยะไกลก็ควรใช้เลนส์ถ่ายภาพระยะไกล การมีเลนส์หลายตัวจะช่วยการถ่ายภาพได้หลากหลายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นการเพิ่มภาระในการจัดเก็บและการพกพา การเปลี่ยนเลนส์จากตัวหนึ่งไปใช้อีกตัวหนึ่งก็กินเวลา ซึ่งอาจทำให้เสียจังหวะดีๆ ในการบันทึกภาพ การใช้เลนส์ซูม (Zoom Lens) ช่วยแก้ปัญหาในการเปลี่ยนเลนส์ไปมา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความคมชัดและรายละเอียดของภาพไปบ้าง

การใช้เลนส์กว้างพิเศษ (Ultra Wide Lens) ในการถ่ายสัตว์นอกสถานที่

การใช้เลนส์กว้างพิเศษ (ความยาวโฟกัสต่ำกว่า 15 มม. สำหรับหน่วยรับภาพขนาด APSC หรือต่ำกว่า 24 มม. สำหรับหน่วยรับภาพขนาด 35 มม.) มาใช้ถ่ายภาพสัตว์ถือว่าเป็นงานที่ท้าทาย ในการถ่ายเราควรเข้าใกล้ตัวสัตว์ให้มากพอที่จะได้ขนาดของตัวมันในภาพใหญ่เพียงพอ หาฉากหลังที่ไม่รกมากเพื่อไม่ให้มาแย่งความสนใจ เนื่องจากต้องถ่ายใกล้จึงเหมาะสำหรับถ่ายสัตว์ที่เชื่องๆ สามารถหลอกล่อได้ ภาพที่ได้จะเห็นตัวของสัตว์ใหญ่กว่าความจริงและดูบิดเบี้ยว เห็นฉากหลังกว้าง เป็นภาพแปลกตาที่ช่างภาพน้อยรายจะถ่ายทำในลักษณะนี้

การใช้เลนส์ถ่ายภาพระยะไกล (Telephoto Lens) ในการถ่ายภาพสัตว์

เลนส์ถ่ายภาพระยะไกลเป็นเลนส์หลักที่ใช้ในการถ่ายภาพสัตว์ ช่างภาพจะไม่อยู่ใกล้กับตัวสัตว์ ทำให้ไม่เป็นการรบกวนให้สัตว์มาสนใจในตัวช่างภาพ และคงกิริยาท่าทางที่เป็นอยู่ การใช้เลนส์ชุดนี้จะได้ภาพที่ไม่มีการบิดเบือนรูปร่างของสัตว์ ฉากหลังจะพร่ามัวมากกว่าเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้างทำให้ตัวสัตว์มีความโดดเด่นขึ้น ช่วงระยะโฟกัสของเลนส์ที่นิยมใช้กันคือ 70 มม. ถึง 200 มม. หากค่าสูงกว่านี้ระยะชัดลึกจะน้อยเกินไป กล่าวคืออาจจะเห็นลูกนัยน์ตาคมชัดในขณะที่จมูกหูเริ่มพร่ามัว ในการถ่ายสัตว์ป่าที่อยู่ไกลมาก หรือสัตว์ปีกเช่น นก ซึ่งมีร่างกายที่เล็กและมักเกาะอยู่ตามกิ่งไม้สูงหรือไกลจากช่างภาพมาก จำเป็นต้องใช้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสมากๆ ตั้งแต่ 500 มม. ขึ้นไป จึงจะได้ภาพที่มีขนาดของตัวสัตว์ที่ใหญ่พอ การถ่ายต้องตั้งกล้องให้มั่นคงมิฉะนั้นภาพที่ได้จะสั่นไหว

การใช้เลนส์ถ่ายภาพปกติ (Normal Lens) ในการถ่ายภาพสัตว์

การใช้เลนส์ถ่ายภาพปกติซึ่งมีความยาวโฟกัส 50 มม. สำหรับกล้องที่มีหน่วยรับแสงขนาด 35 มม. ช่างภาพต้องเข้าไปใกล้ถึงตัวสัตว์ได้ระยะหนึ่ง จึงเหมาะสำหรับการถ่ายสัตว์ที่มีความเชื่องไม่ทำร้ายช่างภาพ  ช่างภาพต้องเคลื่อนไหวได้เร็วตามการเคลื่อนไหวของสัตว์ และต้องขยับเข้าใกล้หรือออกห่างเพื่อครอบตัดรูปให้ได้สัดส่วนภาพที่ต้องการ ข้อดีของเลนส์ถ่ายภาพปกติคือราคาไม่แพง ภาพคมชัดไม่บิดเบือน ปรับรูรับแสงได้กว้างทำให้ถ่ายในที่ที่มีแสงน้อยได้ดี

การใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ (Polarizing Filters) ช่วยปรับปรุงภาพ

ฟิลเตอร์โพลาไรซ์มีประโยชน์ในการตัดแสงสะท้อนที่จะเข้าไปในหน่วยรับภาพ และมีผลทำให้ภาพมืดลง การใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ในการถ่ายภาพนอกสถานที่จะช่วยทำให้ท้องฟ้าลดความสว่างลง ช่างภาพจะค้นพบว่าภาพมีสีสันที่ต่างออกไปและเห็นรายละเอียดมากขึ้น มีความน่าสนใจมากขึ้น

การตั้งค่าต่างๆ ของกล้องในการถ่ายภาพสัตว์

การถ่ายภาพสัตว์ให้ได้ดีนอกจากจะมีกล้องและเลนส์ที่เหมาะสมแล้ว ช่างภาพควรมีความรู้ความเข้าใจการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องตลอดจนความสัมพันธ์ของค่าเหล่านี้ จะทำให้ได้ภาพที่ตรงความต้องการมากกว่าการตั้งโหมดอัตโนมัติให้กล้องคำนวณค่าต่างๆ ให้ เนื่องจากแบบของเราโดยปกติจะเคลื่อนไหวตลอดเวลาไม่อยู่นิ่ง ถ้าต้องการให้ภาพแบบคมชัด ควรตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) ตั้งแต่ 1/250 วินาทีขึ้นไป การตั้งรูรับแสง(Aperture) อยู่ที่ความต้องการว่าจะให้ฉากหลังพร่ามัวขนาดไหน รูรับแสงยิ่งใหญ่ขึ้นระยะชัดลึกจะน้อยลง ฉากหลังจะพร่ามัวมากขึ้น ซึ่งกล้องสมัยใหม่สามารถดูผลลัพธ์ที่หน้าจอก่อนถ่ายได้ เมื่อตั้งสองค่านี้แล้วก็ให้กล้องคำนวณหาค่าความไวแสง (ISO) ให้ ข้อควรระวังในกรณีที่แสงไม่ค่อยเพียงพอ ค่าความไวแสงอาจจะสูงมากจนทำให้รายละเอียดของภาพด้อยลง เห็นเม็ดสีใหญ่ขึ้น (Grain)และเกิดเม็ดสีผิดเพี้ยน (Noise) ปัจจุบันนี้หน่วยรับแสงมีคุณภาพดีขึ้นมาก ที่ ISO สูงถึง 1600 ก็ยังรักษาคุณภาพของภาพได้ดี อย่างไรก็ดีให้พยายามใช้ ISO ที่ต่ำไว้ ประมาณไม่เกิน 800 ส่วนการตั้งโฟกัส ควรตั้งระบบโฟกัสอัตโนมัติเนื่องจากกล้องสามารถทำงานได้เร็วกว่าเรามาก โดยปกติควรจับโฟกัสที่ส่วนหัว หรือลูกนัยน์ตา

การเตรียมเรื่องแสง

การถ่ายนอกสถานที่มักใช้แสงธรรมชาติเป็นหลัก หากจัดแสงเองไม่ได้ ให้เดินรอบแบบหามุมแสงที่เหมาะกับรูปที่เราจะถ่ายประกอบกับมุมกล้องที่ต้องการ ช่างภาพควรมีแฟลชพกพาและฉากสะท้อนแสงติดตัว หากมีผู้ช่วยก็ให้ผู้ช่วยถือแฟลชไปจุดที่อยากได้แสงส่อง ส่วนฉากสะท้อนแสงใช้สะท้อนแสงไปส่วนที่มืดของตัวสัตว์จะได้เห็นรายละเอียดของบริเวณนั้น ในกรณีที่ไม่มีผู้ช่วยก็สามารถติดแฟลชไว้กับตัวกล้อง แต่ให้แน่ใจว่าแสงจากแฟลชไปถึงตัวแบบได้เพียงพอ การถ่ายโดยติดแฟลชกับกล้องให้พยายามเห็นแววตามีจุดสว่างจากแสงแฟลชจะได้ภาพที่ดูดี

ภาพถ่ายสัตว์ (Animals) หน้า 1

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com

                       NEXT >
จำนวนรูป : 97 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 20 มกราคม 2021
ชื่ออัลบั้ม : Animals > page 2
รายละเอียด:

                        

< PREV     1   2  

เคล็ดลับในการถ่ายภาพสัตว์

เรียบเรียงโดย สุพรีมพริ้นท์ โรงพิมพ์คุณภาพ เน้นบริการ

การถ่ายภาพสัตว์ ช่างภาพควรมีกล้องและอุปกรณ์ให้เพียงพอจึงจะสามารถถ่ายภาพที่ต้องการได้ดี มีกล้องที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ หน่วยรับภาพที่ใหญ่พอ มีเลนส์ถ่ายภาพระยะไกลอย่างน้อยหนึ่งตัว การถ่ายภาพสัตว์ที่จะประสบความสำเร็จต้องผ่านการฝึกฝนเป็นระยะเวลาหนึ่ง เรียนรู้อุปนิสัยของสัตว์ต่างๆ ฝึกการมองภาพก่อนหยิบกล้อง ฝึกการตั้งกล้องให้ชำนาญ ฝึกการตัดสินใจโดยฉับพลันในการลั่นชัตเตอร์เมื่อพบจังหวะท่วงท่าดีๆ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการในการถ่ายภาพเกี่ยวกับสัตว์

เข้าใจพฤติกรรมของสัตว์ที่เราจะถ่าย

การเรียนรู้ว่าสัตว์ที่เราจะถ่ายว่ามีอุปนิสัยอย่างไร ทำให้เราคาดเดาพฤติกรรมล่วงหน้าของมันได้และสามารถเตรียมแผนการบันทึกภาพไว้ก่อน หากเป็นสัตว์เลี้ยงก็ควรเรียนรู้ว่ามันชอบอะไรไม่ชอบอะไร มีวิธีล่อหลอกอย่างไร หากเป็นสัตว์ป่าก็ต้องเรียนรู้ว่ามันจะไปไหนเวลาไหน มีเส้นทางอย่างไร มีจุดพักที่ไหน มักทำท่าทางอย่างไรเช่นตอนกินน้ำที่ริมสายน้ำ ตอนมีศัตรูเข้าใกล้ ตอนรวมฝูง

จัดสถานที่

หากเราสามารถจัดฉากที่จะทำการถ่ายทำได้ ก็ตรวจดูว่าภายในสถานที่มีอะไรระเกะระกะทำให้ภาพออกมาดูรกรุงรังหรือแย่งความสนใจจากแบบได้ ในขณะเดียวกันก็ดูว่าจะเพิ่มของประดับฉากอะไรบ้าง เช่นหมอน ลูกบอล ถาดอาหาร ฯลฯ หากเป็นการภาพสัตว์ป่า ก็อาจมีการตกแต่งกิ่งไม้ ดัดกิ่งไม้ที่อาจกั้นระหว่างกล้องกับสัตว์ ฯลฯ ทั้งนี้ทั้งนั้นพึงศึกษาให้ดีว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ เพราะสัตว์บางชนิดที่ไวต่อกลิ่นมาก หากรู้ว่ามีคนเคยมาอยู่ในสถานที่นั้น มันก็อาจไม่เข้ามาในจุดที่เตรียมไว้

เลือกหาแสงที่ใช่

การถ่ายภาพสัตว์ก็เหมือนการถ่ายแบบทั่วไป หากอาศัยแสงธรรมชาติก็ต้องเลือกเวลาที่แสงมีทิศเฉียงและไม่แรงกล้ามาก หากวันใดท้องฟ้ามีเมฆมากถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสามารถใช้เวลาถ่ายภาพได้นาน การใช้ไฟแฟลชส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่สัตว์ไม่คุ้นเคย อาจทำให้มันกลัว วิ่งหนี หรือมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปไม่ให้ความร่วมมือ

ถ่ายในมุมมองของแบบ

การถ่ายด้วยการถือกล้องในท่ายืนแล้วกดกล้องลงก็จะได้ภาพในมุมมองของช่างภาพ ซึ่งภาพมักจะไม่ค่อยสวย เนื่องจากความสูงของสัตว์ไม่เท่ากับช่างภาพ สิ่งที่ช่างภาพควรทำคือลดระดับกล้องให้อยู่ในระดับแนวเดียวกับสายตาของแบบ สัตว์ที่ตัวเล็กมากเช่นแมว ช่างภาพอาจต้องตั้งกล้องเกือบถึงระดับพื้น เพื่อให้เสมอกับสายตาของมัน ในทางกลับกันถ้ามันอยู่บนต้นไม้ ก็ต้องหากระไดปีนขึ้นไปถ่าย การถ่ายภาพนกก็เช่นกัน ภาพที่ถ่ายระนาบเดียวกับที่มันเกาะอยู่บนกิ่งไม้จะดูดีกว่าภาพที่ถ่ายแบบเงยกล้องขึ้น

โฟกัสไปที่ดวงตาและการแสดงท่าทางของใบหน้า

สายตาเป็นจุดที่หน้าประทับใจที่สุดบนใบหน้าของสัตว์ การถ่ายจึงพยายามจับจ้องไปที่ดวงตาของแบบและท่าทางของใบหน้า ดูจังหวะที่ให้อารมณ์ที่ดูดีหรือดูแปลกตาจึงทำการลั่นชัตเตอร์ การตั้งโฟกัสหากถ่ายระยะใกล้ ตัวแบบกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาพก็ให้โฟกัสที่ลูกนัยน์ตา หากถ่ายระยะไกลก็ให้โฟกัสที่ใบหน้า

ช่างภาพมีความยืดหยุ่นและคล่องตัว

ในการถ่ายภาพสัตว์ สัตว์บางตัวก็อยู่นิ่งค่อยๆ เปลี่ยนอิริยาบถ ในขณะที่บางตัวซุกซน ไม่ยอมอยู่นิ่ง ถ้าเราใช้เลนส์ถ่ายภาพปกติหรือเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง เราต้องอยู่ใกล้กับแบบเพียงพอจึงจะได้ขนาดของแบบในภาพใหญ่พอ ช่างภาพต้องมีความพร้อมที่จะขยับตัว ก้มๆ เงยๆ หมอบลงกับพื้น ย้ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เพื่อหาจุดที่จะได้ภาพที่มีองค์ประกอบที่ดี ในขณะที่การใช้เลนส์ถ่ายภาพระยะไกลโดยส่วนใหญ่ไม่สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายมากนัก อย่างมากก็ขยับไปไม่ได้ไกลเนื่องจากมีสิ่งกีดขวางและจังหวะท่วงท่าของแบบไม่รอให้ถ่าย ช่างภาพจึงต้องมีความคล่องตัวและพร้อมที่การปรับเปลี่ยนวิธีการตามสถานการณ์

ให้รางวัลแก่แบบ

สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ก็ต้องการสิ่งจูงใจให้อยู่ในพื้นที่และมีใจทำท่าทางต่างๆ ไม่เช่นนั้นมันอาจจะเดินหนีไปหรือไม่ก็ทำตัวเนือยๆ เพื่อสร้างแรงกระตุ้น ช่างภาพควรเตรียมสิ่งล่อหลอกให้แบบตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ สำหรับสุนัขอาจเป็นของขบเคี้ยว ของเล่น หรืออาจแสดงความรักกับมัน สำหรับแมว ลองใช้ของเล่นที่เป็นขนๆ ถุงกระดาษ ปลาทูน่า ผ้าผืน ฯลฯ ในการถ่ายสัตว์ป่า สิ่งเหล่านี้อาจทำได้ยากเพราะจะเป็นการเบี่ยงเบนวิถีชีวิตของมัน อาหารที่ให้ไปอาจทำให้มันไม่สบายได้ และสัตว์บางชนิดอาจทำร้ายเราได้ถ้าเข้าใกล้เกินไป

วางแผนสร้างแนวคิดล่วงหน้า

จะเป็นการดีถ้าช่างภาพจะมีการวางแนวการถ่ายภาพสัตว์โดยเฉพาะภาพสัตว์เลี้ยงไว้ล่วงหน้าก่อนการถ่ายทำ ลองกำหนดหัวเรื่อง แล้วออกแบบท่าทางคร่าว เช่น ให้น้องหมามองไปที่ประตูรอนายหญิงกลับบ้าน หรือจะให้น้องแมวมองไปที่เจ้าของถือถุงเตรียมให้อาหารแก่มัน หากเป็นสัตว์ป่า  เช่น เตรียมดูจังหวะที่แม่นำอาหารมาป้อนลูกน้อยที่รังของมัน หากเรามีแผนการแล้ว เราจะได้เตรียมฉาก มุมกล้องและจังหวะที่จะถ่ายไว้ ถึงเวลาถ่ายจริงก็จะมีเป้าหมายในการดำเนินการ นอกจากจะถ่ายตามที่วางแนวไว้แล้วก็สามารถถ่ายเสริมในท่วงท่าต่างๆ ได้

อดทน เคลื่อนไหวช้าๆ

การที่เราไปเที่ยวแล้วสามารถถ่ายภาพสัตว์ที่ดูน่าประทับใจระหว่างการเดินทางก็ถือเป็นสิ่งที่โชคดีมาก ในการถ่ายภาพสัตว์อย่างมืออาชีพต้องอาศัยความอดทน การอยู่ประจำตำแหน่ง นั่งเฝ้ารอเวลา รอแสง รอการมา การถ่ายทำมีทั้งร่วมเล่นกับมัน ก้มๆ เงยๆ เปลี่ยนมุมกล้อง กับอีกด้านหนึ่งช่างภาพต้องวางตัวอย่างเงียบเชียบ ขยับเขยื้อนให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้แบบของเราตื่น หรือรู้ว่ามีใครจ้องมองอยู่ การจะย้ายที่เปลี่ยนมุมกล้องก็ต้องทำอย่างช้าๆ ไม่ให้ผิดสังเกต
 
อ้างอิง : https://www.travelandleisure.com/photography/animal-photography-tips   https://digital-photography-school.com/top-10-pet-photography-tips-techniques/

ภาพถ่ายสัตว์ (Animals) หน้า 2

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com

 < PREV        
จำนวนรูป : 91 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 26 เมษายน 2021
ชื่ออัลบั้ม : Scenery
รายละเอียด:

                        

การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์

เรียบเรียงโดย โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์ บริการใกล้ชิดใส่ใจทุกงานพิมพ์

การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์เป็นหนึ่งในความนิยมของช่างภาพทั่วไป เป็นศิลปะในการเก็บความงดงาม จิตวิญญาณของธรรมชาติมาบรรจุในภาพถ่าย ภาพที่ดีจะทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในภาพและมีความรื่นรมย์กับบรรยากาศของภาพ เมื่อเรามีโอกาสได้เยี่ยมชมสถานที่สวยงามแห่งหนึ่ง เราก็อยากจะเก็บบันทึกภาพสถานที่แห่งนั้น อาจจะเอาไปแชร์ให้เพื่อนฝูงได้ชม หรือเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งได้มาเยี่ยมที่นั่น แต่ถ้าอยากมีภาพที่ได้คุณภาพ สามารถนำไปใช้งานโฆษณาประชาสัมพันธ์ หารายได้ในเว็บสต็อกภาพ หรือทำเป็นภาพติดผนัง ลงในแฟ้มภาพของหน้าเว็บไซต์ส่วนตัว ฯลฯ ช่างภาพก็ควรมีความรู้เพียงพอในการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ 

สถานที่

การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนการถ่ายทำ ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กับขบวนการถ่ายภาพ เราควรจะกำหนดให้แน่ชัดว่าจะวางแผนถ่ายภาพ ณ ตำแหน่งใดของสถานที่นั้น เวลาใดที่แสงเหมาะสม ให้ได้ภาพที่ดีที่สุด ควรฝึกอ่านแผนที่ให้ชำนาญ เพื่อช่วยในการหาสถานที่ที่เหมาะ ประมาณเวลาในการเดินทาง เพื่อจะได้มีเวลาเพียงพอที่สามารถถ่ายภาพได้ และเตรียมหาเส้นทางกลับซึ่งมักเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตกไปแล้ว 

อดทน 

บ่อยครั้งที่มีอุปสรรคเล็กบ้าง ใหญ่บ้างมารบกวนการถ่ายภาพ เช่น มีกลุ่มเมฆบังดวงอาทิตย์ ทำให้แสงไม่สามารถสาดส่องลงตามที่ตั้งใจบ้าง เมฆทรงไม่สวยบ้าง มีผู้คนเดินผ่านบ้าง ฯลฯ ช่างภาพจึงต้องมีความอดทน รอคอยให้เมฆผ่านพ้นไปบ้าง หรือให้พื้นที่ปลอดคนแล้วบ้าง บางครั้งการรอคอยจบลงด้วยความผิดหวังไม่สามารถหาจังหวะที่จะบันทึกภาพดังที่หวังไว้ ก็ต้องวางแผนมาถ่ายทำใหม่ ช่างภาพควรกะเวลาให้มากพอเผื่อการรอคอย อีกทั้งศึกษาสภาพอากาศในวันที่จะมาถ่ายทำ 

ขยัน

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภาพวิวภาพหนึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจคือเป็นมุมภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตัวอย่างเช่น หากเราวางแผนปีนขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งต้องใช้เวลาเพิ่มจากตารางปกติและสร้างความเหนื่อยล้า แต่จะทำให้เราได้มุมภาพที่สวยงามซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เคยขึ้นมาถ่ายทำ ดังนั้นช่างภาพจึงต้องขยัน หาตำแหน่งถ่ายภาพที่คนทั่วไปนึกไม่ถึง อนึ่งให้คำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางไปให้ถึงตำแหน่งนั้นๆ ด้วย 

แสงที่ดีที่สุด

แสงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการถ่ายภาพโดยฉพาะการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ ไม่ว่าสถานที่ที่จะถ่ายนั้นดีเลิศเพียงใด หรือจะจัดองค์ประกอบภาพได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าหากแสงไม่มาช่วยทำให้ภาพดูดี ภาพที่ได้ก็จะไม่โดดเด่น ช่วงเวลาที่ถ่ายภาพวิวที่ดีที่สุดคือ ช่วงเช้าหรือช่วงเย็น ส่วนช่วงกลางวันแสงจะแรงและแข็งมากเกินไป แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายหากเราสามารถหามุมกล้องแล้วทำการถ่ายภาพในสภาพวะของแสงที่แตกต่างออกไป อย่างเช่นช่วงวันที่มีเมฆมาก หรือมีพายุฝน กุญแจที่สำคัญคือการรอหาจังหวะที่แสงส่องให้สถานที่นั้นดูดีมากสุดเท่าที่จะเป็นได้ 

ตั้งรูรับแสงให้เล็กที่สุด 

โดยปกติภาพถ่ายวิวทิวทัศน์จะมีความคมชัดในทุกๆส่วนของภาพ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุที่อยู่ใกล้หรือวัตถุที่อยู่ไกลออกไป หากเราดูภาพถ่ายที่ขนาดเล็กอาจจะเห็นว่าภาพคมชัดดี แต่พอนำภาพนั้นไปขยายใหญ่ขึ้นจะสังเกตเห็นว่ามีบางจุดเริ่มไม่คมชัด วิธีแก้ไขสามารถทำได้โดยการตั้งรูรับแสงให้เล็กตั้งแต่ f8 ขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ระยะชัดลึกมากเพียงพอให้วัตถุต่างๆ ในภาพคมชัดได้ ดังนั้นขณะที่ทำการถ่ายภาพ ลองขยายภาพที่จอแสดงภาพด้านหลังกล้องแล้วตรวจดูว่าส่วนต่างๆ ของภาพคมชัดเพียงพอหรือไม่ 

มีขาตั้งติดตัว 

ขาตั้งกล้องช่วยยึดติดกล้องไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน ทำให้การถ่ายภาพไม่สั่นไหว ในช่วงเวลาถ่ายภาพที่ดีไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า หรือช่วงเย็น แสงในช่วงนั้นมักจะไม่แรงมาก ในขณะที่เราต้องการภาพที่มีระยะชัดลึกมากๆ โดยตั้งรูรับแสงที่เล็กมาก แสงก็จะผ่านเลนส์น้อย เพื่อไม่ให้ภาพสั่นไหว เราต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่สูง ซึ่งผลคือค่า ISO ต้องสูงมากเพื่อให้ได้ปริมาณแสงกับหน่วยรับภาพที่ถูกต้อง การที่ ISO สูง จะนำมาซึ่งเม็ดสีที่ใหญ่ และเม็ดสีที่ผิดเพี้ยน ดังนั้นการใช้ขาตั้งกล้องแล้วลดความเร็วชัตเตอร์ลงจะทำให้ได้ภาพที่ดีมากขึ้น 

ดูองค์ประกอบของภาพ 

เวลาเรามองภาพผ่านช่องมองภาพ (Viewfinder) ก่อนบันทึกภาพ ให้ขยับกล้องเพื่อจัดองค์ประกอบของภาพให้ถูกต้องไปเลย จะดีกว่าการหวังพึ่งขบวนการครอบตัดภาพ (Cropping) โดยใช้โปรแกรมตกแต่งภาพในภายหลัง ถ้าหากเห็นว่าไม่สามารถจัดองค์ประกอบของภาพได้ถูกต้องขณะที่มองผ่านช่องมองภาพ ก็จะไม่สามารถทำให้เป็นภาพที่ดีในภายหลัง 

ใช้ฟิลเตอร์ ND และโพลาไรซ์ 

ฟิลเตอร์ ND (Neutral Density filters) และฟิลเตอร์โพลาไรซ์ (Polarizing filter) เป็นฟิลเตอร์ที่สำคัญสำหรับช่างภาพที่ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ ฟิลเตอร์ ND มีประโยชน์คือช่วยลดแสงที่สว่างมาก เช่นส่วนของท้องฟ้า ให้มืดลง ในขณะที่คงความสว่างของส่วนอื่นๆ ทำให้ภาพไม่เกิดความแตกต่างของแสงจนเกินไป ส่วนฟิลเตอร์โพลาไรซ์ช่วยตัดแสงสะท้อน เช่นแสงสะท้อนบนผิวน้ำ ทำให้เห็นรายละเอียดมากขึ้น และมีสีสันดีขึ้น 

หมั่นฝึกฝน 

ภาพที่โดดเด่นทั้งองค์ประกอบและแสงสีบางภาพไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ ทุกครั้งที่เราบันทึกภาพที่คิดว่าดีแล้ว แต่หากมีความคิดว่ามีบางจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ และสามารถถ่ายใหม่ให้ภาพดียิ่งขึ้น ก็ควรจะทำการถ่ายทำเพิ่มเติมโดยเลือกหาช่วงเวลาที่ดีที่สุด ด้วยกรรมวิธีที่ดีที่สุดที่จะเป็นไปได้ อาจจะเฝ้ารอจังหวะถ่ายหรือกลับมาถ่ายใหม่อีกรอบหนึ่ง 
 

ภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ (Scenery)

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com

 

จำนวนรูป : 112 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 17 พฤษภาคม 2021
ชื่ออัลบั้ม : Structures
รายละเอียด:

                         
 

เคล็ดลับการถ่ายภาพสิ่งก่อสร้าง

เรียบเรียงโดย สุพรีมพริ้นท์ โรงพิมพ์คุณภาพ รับงานพิมพ์และงานรีทัชภาพ

สิ่งปลูกสร้างที่กล่าวถึงนี้จะรวมถึงตึกรามบ้านช่อง ปูชนียสถาน สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ฯลฯ การถ่ายภาพสิ่งปลูกสร้างนอกจากจะได้ภาพที่สวยงามมีความเป็นศิลปะแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเล่าเรื่องราวของสิ่งปลูกสร้างนั้นแก่คนทั่วไป โดยที่บางคนอาจไม่มีโอกาสมาเยี่ยมสถานที่สิ่งปลูกสร้างนั้นเลย ภาพถ่ายสิ่งปลูกสร้างเป็นภาพที่แสดงเหตุการณ์เรื่องราวของสิ่งปลูกสร้าง ณ เวลาขณะที่ทำการบันทึกภาพเท่านั้น ไม่ได้ย้อนไปถึงเรื่องราวตอนที่กำลังก่อสร้างอยู่ หรือเลยไปถึงช่วงเวลาที่เห็นสภาพความทรุดโทรมของสิ่งปลูกสร้างตามสภาพของลมฟ้าอากาศ หรืออาจจะดูใหม่ขึ้นเนื่องจากมีการซ่อมบำรุง
เคล็ดลับที่จะกล่าวต่อไปเป็นส่วนหนึ่งในคำแนะนำเกี่ยวกับการถ่ายภาพสิ่งปลูกสร้าง แน่นอนที่สุดช่างภาพจะประสบความสำเร็จได้ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและพัฒนาไปเรื่อยๆ

ถ่ายในภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ในเวลาที่ต่างๆ กัน

คนส่วนใหญ่มักจะเลือกเวลาถ่ายภาพช่วงเย็นจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นเวลาที่แสงที่ไม่แรงมาก ให้สีสันที่ดี และได้เงาที่ทอดยาว แต่นั่นเป็นการแสดงบรรยากาศเพียงช่วงเวลาหนึ่งของสิ่งปลูกสร้างนั่นเท่านั้น แต่หากเรามีเวลาแวะเยี่ยมสถานที่ของสิ่งปลูกสร้างนั้นได้บ่อยครั้ง การถ่ายสิ่งปลูกสร้างในเวลาที่แตกต่างกันของแต่ละวัน รวมถึงในสภาพอากาศที่แตกต่างกัน นำมาจัดทำเป็นชุด จะเป็นการเล่าเรื่องราวของสิ่งปลูกสร้างนั้นกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นไป

แสงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก

ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพใดๆ แสงที่ดีถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะทำให้ภาพถ่ายดูดี เช่นกันในการถ่ายสิ่งปลูกสร้าง แสงที่ดีจะช่วยก่อเกิดแสงเงาต่างๆ ของสิ่งปลูกสร้างนั้น ทำให้เห็นรูปทรงของมัน มีมิติขึ้น รวมทั้งสร้างบรรยากาศให้กับภาพบอกกล่าวเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ว่าจะเป็นแสงธรรมชาติ หรือแสงที่จัดแต่งขึ้น หากสามารถจับจังหวะที่แสงตกลงบนตำแหน่งที่ต้องการสร้างความสนใจของภาพ จะช่วยสร้างภาพนั้นให้โดดเด่นดูดียิ่งขึ้น

มองหามุมถ่ายที่ได้ภาพเยี่ยม

การถ่ายในมุมมองที่คนทั่วๆ ไปถ่าย จะทำให้ภาพที่ออกมาค่อนข้างจำเจและอาจจะน่าเบื่อ ยกเว้นสิ่งปลูกสร้างนั้นมีน้อยคนจะเข้าถึงหรือรู้จัก การที่เราสำรวจรอบๆ หามุมมองที่แปลกตาออกไป อาจจะเป็นภาพมุมสูง มุมเงย เป็นภาพมุมกว้างพิเศษที่เห็นส่วนประกอบต่างๆ โดยรวม หรือจะเป็นภาพในแนวแอ็บสแตรกต์ (Abstracts Photography) การหามุมมองใหม่ๆ เหล่านี้จะทำให้เรายกระดับของภาพถ่ายให้สวยงามและเป็นที่ชื่นชอบขึ้น

ไม่ต้องกังวลหากมีคนปรากฏในภาพ

ภาพถ่ายสิ่งปลูกสร้างที่มีชื่อเสียงที่ผ่านๆ มา มักจะพบว่าไม่มีบุคคลปรากฏอยู่ในรูป เคยมีนิตยสารเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมเล่มหนึ่งปฏิเสธที่จะเอาภาพสถาปัตย์ภาพหนึ่งที่มีคนปรากฏอยู่ขึ้นปกของนิตยสาร ต่อเมื่อเปลี่ยนเอาจักรยานมาใส่แทนคนจึงจะยอมรับ ในยุคปัจจุบันช่างภาพสถาปัตยกรรมรุ่นหลังๆ ก็พยายามก้าวข้ามข้อกำหนดนี้ ความเป็นจริงถ้าไม่มีคนก็จะไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้นจงอย่าอายที่จะแสดงบุคคลร่วมกับสิ่งปลูกสร้างในภาพถ่ายของเรา

ถ่ายภาพจุดเล็กๆ เช่นเดียวกับถ่ายภาพรวม

ถึงแม้การใช้เลนส์มุมกว้างจะเป็นบรรทัดฐานในการถ่ายภาพสิ่งปลูกสร้างเพื่อสามารถที่จะเก็บส่วนของรูปทรงทั้งหมดไว้ในภาพถ่ายได้ สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่มักจะมีรายละเอียดแยกย่อยตามจุดต่างๆ ซึ่งไม่สามารถที่จะรวบรวมทั้งหมดให้เห็นภายในภาพหนึ่งภาพได้ ให้ลองสำรวจโดยรอบสถานที่ ดูรายละเอียดของสิ่งปลูกสร้างตามจุดต่างๆ เก็บภาพที่น่าสนใจไว้ นอกจาได้ภาพสวยงามแล้วภาพเหล่านี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของสิ่งปลูกสร้างนั้น

จัดหาอุปกรณ์ถ่ายภาพให้เพียงพอ

การถ่ายภาพสิ่งปลูกสร้างต้องการกล้องที่มีคุณภาพเพียงพอ มีหน่วยรับภาพที่ใหญ่ เพื่อให้ได้รายละเอียดภาพที่ดีเมื่อขยายใหญ่ มีเลนส์ที่มีคุณภาพ ให้ความคมชัดทุกตำแหน่งของภาพ ไม่ใช่ว่าคมชัดเฉพาะส่วนกลางภาพ ริมขอบภาพกลับไม่คมชัด เลนส์ที่ควรใช้เป็นหลักคือเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง ควรมีขาตั้งกล้องเพื่อยึดกล้องให้อยู่ในตำแหน่งที่แน่นอน ไม่สั่นไหวแม้จะใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ ควรมีสายลั่นชัตเตอร์ เพื่อไม่ต้องกดที่ปุ่มชัตเตอร์โดยตรงอันจะทำให้กล้องมีโอกาสสั่นไหว การถ่ายนอกสถานที่ควรมีฟิลเตอร์ ND (Neutral Density filter) และฟิลเตอร์โพลาไรซ์ (Polarizing filter) เพื่อช่วยลดทอนแสงจากท้องฟ้าและแสงสะท้อน

หมั่นเยี่ยมสถานที่หลายๆ ครั้ง

หากมีโอกาส ให้หมั่นเยี่ยมเยียนสถานที่สิ่งปลูกสร้าง การไปบ่อยๆ มีโอกาสเห็นบรรยากาศของสถานที่ที่ต่างออกไป ตามเวลาและสภาพอากาศที่แตกต่างกัน และทำให้เห็นมุมมองใหม่ๆ การแวะบ่อยครั้ง บางช่วงอาจจะเห็นการซ่อมแซม ทำสีใหม่ หรือมีการก่อสร้างเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้เราได้ภาพที่สดใหม่ สิ่งเหล่านี้รอคอยให้เราเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะทำการบันทึกภาพเหล่านี้ไว้

สำรวจสถานที่ก่อนถ่ายทำ

ก่อนจะทำการเยือนและถ่ายทำสิ่งปลูกสร้างใด ควรศึกษาประวัติความเป็นมาและแนวคิดของศิลปะต่างๆ ที่นำมาใช้ในส่วนต่างๆ ของสิ่งปลูกสร้างนั้น การทราบเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างจะช่วยให้เราเข้าใจแก่นแท้ของสิ่งปลูกสร้างและดึงเอาความหมายเหล่านี้มาปรากฏบนภาพถ่าย ตลอดจนแนวการถ่ายภาพจะคล้อยตามแนวคิดของสิ่งปลูกสร้างนั้น 

ตกแต่งภาพหลังถ่ายทำ

การตกแต่งภาพหลังการถ่ายถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายภาพในปัจจุบัน นอกจากใช้แก้ไขจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ แล้ว ยังสามารถปรับปรุงบรรยากาศของภาพให้เป็นไปตามที่ช่างภาพต้องการ อย่างไรเสียการตกแต่งปรับปรุงภาพให้คำนึงถึงความสมจริงของภาพด้วย โปรแกรมตกแต่งภาพที่นิยมใช้กัน ก็มีโปรแกรม Photoshop และ Lightroom ซึ่งในปัจจุบันมีฟังชั่นที่เกี่ยวกับการใช้กล้อง เช่น การแก้ไขความผิดพลาดเบี่ยงเบนของเลนส์ หากต้องการทำภาพพาโนรามา (Panorama) โดยเอาภาพถ่ายหลายๆ ภาพมาต่อกันก็ใช้โปรแกรม Hugin

ภาพถ่ายสิ่งก่อสร้าง (Structures)

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com

 

จำนวนรูป : 95 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 17 พฤษภาคม 2021
ชื่ออัลบั้ม : Operations
รายละเอียด:

                         
 

การถ่ายภาพการทำงาน

เรียบเรียงโดย สุพรีมพริ้นท์ โรงพิมพ์คุณภาพ รับพิมพ์หนังสือและงานพิมพ์ทุกชนิด
 
ภาพถ่ายการทำงานเป็นภาพที่แสดงการทำงานของบุคคลในบรรยากาศเหมือนอยู่ในสถานที่ทำงานจริง การทำงานที่ว่าอาจไม่มีการใช้เครื่องมือใดๆ ประกอบ เช่นการแสดงท่าครุ่นคิด การกล่าวปราศรัย จนถึงการใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องมือช่าง เครื่องควบคุม ฯลฯ
การถ่ายภาพการทำงานมีกรรมวิธีการถ่ายคล้ายกับการถ่ายภาพบุคคล ช่างภาพที่เคยถ่ายภาพบุคคลสามารถพัฒนามาถ่ายภาพการทำงานได้ไม่ยาก ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำในการถ่ายภาพการทำงาน

อุปกรณ์ที่ใช้

อุปกรณ์ที่ควรใช้ในการถ่ายภาพการทำงาน นอกจากกล้องถ่ายภาพที่มีคุณภาพแล้ว ควรมีเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสระหว่าง 50 ถึง 100 มม. ซึ่งเป็นช่วงเลนส์ที่ให้ความเบี่ยงเบนของภาพน้อย เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคล รูปทรงของฉากไม่บิดเบี้ยว อีกทั้งสามารถแสดงรายละเอียดของส่วนประกอบต่างๆ ในภาพได้ดี แต่หากต้องการภาพที่แสดงสถานที่รอบๆ กว้างขึ้นก็ให้ใช้เลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง (Wide Angle Lens)  และหากมีเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล (Telephoto Lens) ติดตัวได้ก็จะเป็นการดี ใช้เมื่อแบบอยู่ระยะไกล เช่นทำงานอยู่บนหลังคา หรือทำงานในพื้นที่มีความเสี่ยง สำหรับขาตั้ง จะช่วยยึดกล้องเมื่อถ่ายในที่ที่แสงไม่เพียงพอ ไฟแฟลชใช้ในกรณีเป็นไฟเสริม (Fill Flash) เพื่อช่วยให้เห็นรายละเอียดในส่วนที่เป็นเงามืดจะได้ไม่ดำมืดจนเกินไป

อะไรที่ควรอยู่ไม่ควรอยู่ในภาพ

ในการถ่ายภาพบุคคล (Portrait Photography) เรามักจะให้ความสำคัญและเน้นที่ตัวแบบ โดยให้ฉากหลังพร่ามัวด้วยการเปิดรูรับแสง (Aperture) ที่กว้าง แต่สำหรับการถ่ายภาพการทำงาน เราไม่สามารถยึดตามหลักการนี้ เพราะสภาพแวดล้อมเป็นส่วนสำคัญของภาพเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ช่างใส่หมวกกันกระแทกถือเครื่องเชื่อมกำลังเชื่อมงานอยู่ หากไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ให้รู้ว่ามีถังเหล็กที่เขาเชื่อมอยู่ปรากฏในภาพที่ถ่าย ก็จะทำให้ภาพนั้นหมดความหมาย การให้มีถังหรือส่วนหนึ่งของถังปรากฏอยู่เป็นการบ่งบอกถึงลักษณะของงานและให้ข้อมูลการปฏิบัติงานของแบบในภาพ
เมื่อเราเรียนรู้ว่าวัสดุประกอบฉากและฉากหลังมีความสำคัญ คราวนี้เราก็จะเกิดคำถามว่าแล้วควรมีวัตถุอะไรบ้างมาประกอบฉากเพื่อใช้บอกเล่าเรื่องราว และในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้ภาพดูรกจนเกินไป ให้เราเริ่มจัดภาพโดยเริ่มจากตัวแบบ ซึ่งแน่นอนต้องให้ส่วนของแบบใช้พื้นที่ในภาพมากกว่าฉากหลัง ถัดมาให้ดูส่วนประกอบของฉากหลังทีละชิ้น ว่าอันไหนจำเป็นเกี่ยวข้องกับการทำงานของแบบที่จะต้องแสดงในภาพบ้าง พยายามตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกโดยการนำออกจากพื้นที่หรือเปลี่ยนมุมกล้อง ในกรณีที่สิ่งต่างๆในฉากหลังล้วนมีความสำคัญต่อเนื้อหาของภาพไม่สามารถตัดออก แต่ถ้าบรรจุทั้งหมดลงในภาพ จะทำให้ภาพดูแน่น ก็ใช้วิธีเปิดรูรับแสงให้กว้างขึ้น ทำให้วัตถุประดับฉากเริ่มพร่ามัว สิ่งที่อยู่ไกลออกไปก็จะมีความพร่ามัวมากขึ้น อย่างไรเสียให้คุมระดับความพร่ามัวอย่าให้พร่ามัวจนไม่สามารถระบุว่าเป็นวัตถุอะไร

ควรถ่ายแบบไม่บอกกล่าวหรือควรจัดท่าถ่าย

มีข้อถกเถียงว่าการถ่ายแบบไม่บอกกล่าวกับการจัดท่าถ่ายแบบ วิธีการไหนจะได้ภาพการทำงานที่ดีกว่ากัน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใด ย่อมขึ้นอยู่กับตัวแบบที่เราจะถ่ายและการที่เรารู้จักตัวแบบดีมากน้อยเพียงใด มีคำแนะนำว่าให้ลองทั้งสองวิธี บันทึกภาพให้มากเท่าที่ต้องการ เพราะในยุคนี้การถ่ายภาพไม่ได้ถูกจำกัดจำนวนภาพตามที่เคยเป็นสมัยที่ใช้ฟิล์มในการบันทึกภาพ ในกรณีที่เรารู้จักตัวแบบเป็นอย่างดี ก็จะทำให้ง่ายต่อการขอความร่วมมือในการจัดวางท่าทางในการถ่าย แบบจะมีความเป็นกันเองไม่เครียด ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการให้แบบวางท่าทางอย่างธรรมชาติเหมือนไม่ได้ถูกบอกให้ทำ ซึ่งแบบจะทำได้ดีหากมีความผ่อนคลาย ช่างภาพอาจต้องใช้วิธีที่แตกต่างกันในทำให้แบบร่วมมือและผ่อนคลาย วิธีการที่ใช้ได้กับแบบคนหนึ่งอาจใช้ไม่ได้ผลกับแบบอีกคนหนึ่ง การชวนแบบคุยก็เป็นวิธีที่ได้ผลดี อาจจะชวนคุยเรื่องทั่วไป หรือคุยเกี่ยวกับงานที่เขาทำที่เขาชอบ
การถ่ายแบบไม่บอกกล่าวจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่า ทำโดยถอยห่างออกมาแล้วปล่อยให้เขาทำงานไปตามปกติ หาจังหวะท่วงท่าที่เหมาะจึงทำการบันทึกภาพ แต่ต้องหมั่นดูว่าภาพที่ถ่ายมีวัตถุที่จำเป็นต่างๆ ปรากฏครบถ้วนไหม การถ่ายจากระยะไกลด้วยเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล ก็เป็นสิ่งที่ดีที่แบบไม่ได้จดจ้องอยู่ว่ามีคนตั้งกล้องถ่ายเขาอยู่

ถ่ายคนแปลกหน้า

การถ่ายภาพคนที่เราไม่รู้จักมาก่อนเป็นประสบการณ์ที่ช่างภาพใหม่ค่อนขาดความกล้าที่จะทำ แต่ถ้าได้ฝึกทำหลายๆ ครั้งก็เกิดความคุ้นเคยเอง ช่างภาพบางคนก็กลับรู้สึกสนุกที่ได้พบปะกับผู้คนใหม่ๆ ในสถานที่ใหม่ๆ เข้าหาและขออนุญาตถ่ายภาพ ช่างภาพแต่ละคนมีเทคนิคในการถ่ายภาพคนแปลกหน้าต่างๆ กัน เทคนิคที่คนหนึ่งชื่นชอบอาจไม่ตรงกับเทคนิคของอีกคน การแอบถ่ายแล้วรีบเดินจากไปก็เป็นเทคนิคหนึ่ง เช่น หากแผ่นจอแสดงภาพหลังกล้องสามารถพับมองต่างมุมได้ ช่างภาพอาจจะถือกล้องระดับเอวมองภาพที่จะถ่ายบนแผ่นจอแสดงภาพ หาจังหวะแล้วกดชัตเตอร์ แต่ถ้าเราต้องการได้ภาพที่เห็นตัวตนของแบบและการดำเนินชีวิตของเขา เราควรจะเข้าไปหา แนะนำตัวกลับเขา ใช้เวลาพูดคุยและขออนุญาตถ่าย จึงจะได้ภาพที่สมบูรณ์ขึ้น

อ้างอิง : https://www.digital-photo-secrets.com/tip/5499/photograph-people-work/


ภาพถ่ายการทำงาน (Operations)

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com
จำนวนรูป : 129 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 17 พฤษภาคม 2021
ชื่ออัลบั้ม : Objects
รายละเอียด:

                        

                 1       NEXT >

เคล็ดลับการถ่ายภาพวัตถุ (1) 

เรียบเรียงโดย สุพรีมพริ้นท์ โรงพิมพ์คุณภาพ รับงานพิมพ์และงานรีทัชภาพ

การถ่ายภาพวัตถุในที่นี้หมายถึงการถ่ายสิ่งของซึ่งจะเป็นชิ้นไม่ใหญ่มาก สามารถนำเข้ามาในสตูดิโอ มีอุปกรณ์การถ่ายภาพ เช่น โต๊ะถ่ายแบบ ฉากขาว ระบบแสงไฟแฟลช แผ่นสะท้อนแสง ขาตั้งกล้อง สายลั่นชัตเตอร์ มาใช้ในการถ่ายทำ
เรื่องของแสงมีความสำคัญมากที่จะทำให้วัตถุดูเด่น ควรใช้แสงหลักที่มีความอ่อนนุ่มโดยมีแผ่นกระดาษฝ้าหรือผ้าขาวคั่นทางเดินแสงไว้เพื่อกระจายแสงให้นุ่มขึ้น หรือใช้ซอฟท์บ๊อกซ์ (Soft Box) สวมกับหัวแฟลช การถ่ายวัตถุควรติดกล้องกับขาตั้งกล้อง จะทำให้ภาพที่ได้คมชัด จุดโฟกัสเป็นไปตามที่ปรับตั้งไว้

แขวนวัตถุที่จะถ่าย

การแขวนวัตถุที่จะถ่ายช่วยทำให้เราเห็นมุมมองของวัตถุได้ดีขึ้น ซึ่งบางครั้งเราไม่อยากเห็นเงาด้านมืดของวัตถุที่ใกล้กับพื้น วัตถุบางอย่างไม่สามารถวางตั้งได้บนพื้นราบ การแขวนจึงช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ สิ่งที่ต้องแก้ไขในการแขวนวัตถุไว้คือทำอย่างไรถึงไม่มีเชือกหรือเส้นด้ายที่ใช้แขวนวัตถุปรากฏในภาพ บางกรณี เราใช้ลวดแข็งหรือแท่งไม้แข็งๆ เสียบด้านหลังของวัตถุ เวลาถ่ายภาพตัววัตถุก็จะบังไม่ให้เห็นลวดหรือไม้ที่เสียบไว้ ลองใช้ลูกเล่นกับการแขวนวัตถุนี้ เช่นแขวนกลับหัววัตถุ ลองทำให้ดูสนุก แปลกใหม่ หรือดูมีเสน่ห์ โดยเปลี่ยนมุมกล้องและบันทึกภาพไว้หลายๆ ชุด

ถ่ายมุมแปลกๆ

โดยปกติเราจะถ่ายภาพในแนวระนาบเดียวกับวัตถุซึ่งเป็นระดับสายตา การเปลี่ยนมุมกล้องเป็นมุมอื่นๆ มักจะทำให้เรารู้สึกว่ารูปร่างของวัตถุจะบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนไป แต่หากเราลองทดลองเปลี่ยนมุมกล้องไม่ว่าตั้งใจให้วัสดุดูบิดเบี้ยว หรือรู้อยู่แล้วว่าวัตถุที่ถ่ายนั้นไม่ค่อยบิดเบือนแม้จะเปลี่ยนมุมกล้อง เราอาจได้ภาพที่ดูไม่จำเจ และหากเราแขวนวัสดุตามที่กล่าวในหัวข้อก่อนหน้า เราอาจตั้งกล้องถ่ายจากมุมข้างล่างของวัตถุบ้าง ด้านบนบ้าง ก็สามารถสร้างภาพที่แปลกตาได้ บางภาพแม้ตัววัตถุจะดูบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติก็ดูโดดเด่นกว่าภาพที่ถ่ายปกติ

ลองใช้เลนส์มาโคร (Macro Lens)

ในการถ่ายภาพวัตถุโดยเฉพาะงานที่ใช้ในการโฆษณาแนะนำสินค้า นอกจากจะใช้ภาพที่แสดงวัตถุเต็มตัวแล้ว ยังมักต้องการภาพระยะใกล้แสดงรายละเอียดส่วนต่างๆ ของวัสดุเพื่อประกอบในหน้าแคตตาล็อกสินค้าหรือหน้าโฆษณาต่างๆ ดังนั้นการถ่ายภาพแต่ละชุด ควรลำดับการถ่ายภาพให้ครบแบบ ในการถ่ายระยะใกล้ด้วยเลนส์มาโครให้ระวังเรื่องของแสง จะใช้แสงที่แข็งหรือนุ่มแล้วแต่ความต้องการและดูจากพื้นผิววัตถุที่จะถ่าย ส่วนที่มืดของภาพให้ตรวจดูว่าสามารถเห็นรายละเอียดของวัตถุเพียงพอหรือไม่ หากเป็นพื้นผิวที่มีความสูงต่ำที่ต่างกันมากและต้องการให้เห็นรายละเอียดทุกส่วน ให้ตั้งรูรับแสงให้เล็กไว้ การถ่ายด้วยเลนส์มาโครจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องติดกล้องกับขาตั้งกล้องเพื่อจะตั้งโฟกัสได้แม่นยำ กล้องไม่ขยับเพราะจะทำให้โฟกัสผิดจากจุดเดิม อีกทั้งภาพไม่สั่นไหวเนื่องจากการถือกล้องไม่นิ่งพอ ในกรณีที่วัตถุมีการเคลื่อนไหว ให้ตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่สูงไว้ หากเป็นการเคลื่อนอย่างช้า ใช้ขาตั้งกล้องอาจช่วยได้ การถ่ายภาพใกล้วัตถุมาก เพียงขยับกล้องนิดเดียวโอกาสที่กล้องจะหลุดโฟกัสเป็นไปได้สูง ควรตั้งให้กล้องล็อคจุดโฟกัสสำหรับกล้องที่จับโฟกัสอัตโนมัติ และควรกดถ่ายภาพแบบต่อเนื่องหลายๆ ภาพ การถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวนี้เป็นเรื่องของความว่องไวและประสบการของช่างภาพในการตัดสินใจลั่นชัตเตอร์แต่ละครั้ง

แสดงการใช้งานแบบเพี้ยนๆ

วัตถุส่วนใหญ่ที่นำมาเป็นแบบมักจะสามารถนำมาใช้งานหรือใช้ทำประโยชน์ได้ เช่น แหวนใช้สวมนิ้วมือ แปรงเอาใช้ทาสี คราวนี้ลองทำการบ้านโดยเตรียมกระดาษและดินสอ ใช้เวลาคิดหาว่าวัตถุที่จะถ่ายทำนั้นสามารถนำมาใช้ทำอะไรได้บ้าง จดบันทึกเป็นข้อๆ เริ่มจากประโยชน์ที่ใช้งานตามปกติก่อน แล้วใส่ความคิดสร้างสรรค์ว่าจะนำไปใช้ทำอย่างอื่นได้อย่างไรบ้าง พยายามหาความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ เช่น เอาแหวนไปสวมหนวดปลาหมึก เอาแปรงทาสีจุ่มสีผูกไว้ที่หางสุนัขแล้วให้มันเดินแกว่งหางป้ายสีที่พื้นเป็นลวดลายแปลกๆ เป็นต้น หลังจากที่จดความคิดต่างๆ ลงในกระดาษ ก็มาพิจารณาดูว่ารายการไหนที่เป็นความคิดที่ดูยอดเยี่ยม หากเป็นงานโฆษณาก็เป็นความคิดที่สามารถสร้างพลังให้กับสินค้า อนึ่งภาพที่ต้องการอาจไม่สามารถจัดฉากถ่ายทำได้ในคราวเดียว อาจต้องอาศัยการตกแต่งภาพโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรม Photoshop จึงจะได้ภาพที่สมบูรณ์ ดังนั้นจะเป็นการดีหากได้เตรียมแนวคิดและรูปแบบของภาพให้เรียบร้อยก่อนการลงมือถ่ายทำ

ตกแต่งภาพหลังถ่ายทำ

ตามที่กล่าวไว้ในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่าในงานบางงาน การถ่ายภาพอย่างเดียวไม่สามารถสร้างภาพได้ตามที่คิดวางแผนไว้ การตกแต่งภาพจึงเข้ามามีบทบาทในการนี้ ในความเป็นจริงแล้ว ภาพส่วนใหญ่ล้วนแต่ควรได้รับการปรับปรุงเล็กบ้าง น้อยบ้าง เพื่อให้ภาพสมบูรณ์ขึ้น เช่นปรับความมืดความสว่าง ปรับสีสัน จะมีบางภาพที่ต้องการการปรับปรุงมากไปกว่านั้น เช่นปรับแสงสีเฉพาะจุดในภาพ ลบจุดเล็กๆ ที่ไม่ต้องการออก ส่วนที่ยากขึ้นไปอีกจะเป็นการตัดต่อบางส่วนของภาพ เช่นเพิ่มสิ่งของเข้าไปในภาพ เปลี่ยนฉากหลัง ฯลฯ การตกแต่งภาพเหล่านี้จะได้ประโยชน์สูงต่อเมื่อได้เรียนรู้การใช้เครื่องมือต่างๆ ของโปรแกรมตกแต่งภาพ อีกทั้งต้องมีความเป็นศิลปินในการทำให้ได้ภาพสุดท้ายที่ทุกอย่างในภาพกลมกลืนสมจริงสมจัง อย่างน้อยที่สุดช่างภาพควรมีความรู้พื้นฐานในโปรแกรมตกแต่งภาพเพื่อแก้ไขภาพเล็กๆ น้อยๆ ได้เอง

ภาพถ่ายวัตถุ (Objects) หน้า 1

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com

 

                       NEXT >

จำนวนรูป : 93 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )
วันที่ : 17 พฤษภาคม 2021
ชื่ออัลบั้ม : Objects > page 2
รายละเอียด:

                        
 

< PREV     1   2  

เคล็ดลับการถ่ายภาพวัตถุ (2)

เรียบเรียงโดย สุพรีมพริ้นท์ โรงพิมพ์คุณภาพ รับพิมพ์หนังสือและงานพิมพ์ทุกชนิด

เพิ่มของประดับฉาก
วิธีถ่ายภาพวัตถุที่ง่ายและดูดีคือการทำฉากหลังให้เป็นพื้นขาว จัดแสงหลักให้นุ่มและมีแผ่นสะท้อนแสงรับแสงจากแสงหลักเพื่อสะท้อนไปยังส่วนที่มืดของวัตถุให้พอเห็นรายละเอียดบ้าง ภาพที่ได้ก็จะเห็นแต่วัตถุ ด้านหลังวัตถุจะเป็นพื้นสีขาวหมด และอาจเห็นเงาของวัตถุบ้าง การที่มีพื้นขาวจะเป็นประโยชน์ในการตัดต่อภาพวัตถุออกไปใช้ในงานอื่นๆ ได้ง่ายและได้ขอบภาพวัตถุที่เนียนเรียบร้อย หากไม่ใช้ฉากขาวแต่เป็นฉากหลังมีของประดับ เรามักถ่ายภาพเน้นที่ตัววัตถุโดยให้วัตถุนั้นคมชัดและให้ฉากหลังค่อนข้างว่างเปล่าพร่ามัว แต่หากเรามองอีกด้านหนึ่งโดยจัดฉากหลังให้มีเรื่องราว เพิ่มของประดับฉาก การจัดฉากและของประดับฉากให้พึงจัดให้สอดคล้องและเข้ากับวัตถุที่เป็นแบบ จำนวนของประดับที่นำมาตกแต่งก็ไม่ควรมีจำนวนมากเกินไปจนดูระเกะระกะเกินไป จนแย่งความสนใจจากตัววัตถุ การจัดวางให้ดูเป็นธรรมชาติ ควรระวังสีสันของสิ่งของตกแต่งนั้นไม่ควรเด่นไปกว่าตัววัตถุ

โฟกัสไปที่ของประดับฉาก

การโฟกัสไปที่ของประดับฉาก แนวคิดนี้ดูจะแย้งกับหลักการที่ว่าไว้ก่อนหน้านี้ที่ว่าทำให้ของประกอบและฉากหลังพร่ามัวเพื่อจะทำให้วัตถุเด่นขึ้นมา แนวคิดนี้คือในบางครั้ง เราอยากแสดงถึงการใช้สอยหรือประโยชน์ของวัตถุชิ้นนั้นๆ ว่าเอาไปใช้อย่างไรได้บ้าง ใช้ในโอกาสใด เช่นภาพขวดน้ำหวานอยู่ท่ามกลางแก้วบรรจุเครื่องดื่มแบบต่างๆ แสดงถึงการนำน้ำหวานไปผสมเป็นเครื่องดื่มอะไรได้บ้าง การจัดภาพอาจจะให้วัตถุอยู่หน้าสุดของภาพ และของประดับต่างๆ ตั้งอยู่ถัดไป หรือจะจัดวางวัตถุอยู่กลางๆ ภาพ มีของประดับอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แม้แต่จะจัดวางให้วัตถุอยู่ด้านหลังเลยก็ได้โดยอาจเห็นไม่เต็มตัววัตถุ เห็นเฉพาะส่วนสำคัญที่บ่งชี้ว่าเป็นวัตถุนั้นๆ การโฟกัสไปที่ของประดับแทนตัววัตถุอาจทำให้วัตถุไม่อยู่ในระยะโฟกัส จึงถือเป็นงานท้าทายอย่างหนึ่ง

จัดวัตถุกับพื้นผิวสะท้อนแสง

บ่อยครั้งที่เรารู้สึกเบื่อหน่ายต่อการถ่ายวัตถุแบบซ้ำๆ เดิมๆ  มีแนวการถ่ายภาพแนะนำแบบหนึ่งคือการถ่ายภาพวัตถุร่วมกับพื้นผิวที่สะท้อนแสง ซึ่งจะเป็นกระจก สระน้ำ หรือจะเป็นถาดน้ำ หรือวัสดุอื่นๆที่มีผิวสะท้อนแสงได้ ผิวสะท้อนแสงนี้อยู่ในแนวนอนก็ได้ แนวตั้งก็ได้ การถ่ายก็ให้เห็นวัตถุและเห็นเงาสะท้อนของวัตถุปรากฏบนพื้นผิวสะท้อนนั้น ให้สำรวจดูการจัดแสงว่าสามารถส่องสว่างในมุมที่ทำให้ภาพสะท้อนได้ตามที่ตั้งใจหรือไม่ หากปรับแสงแล้วยังไม่สามารถเห็นภาพสะท้อนได้ชัดเจนพอ อาจต้องทำการถ่ายทำไปก่อน แล้วอาศัยการแก้ไขปรับปรุงภาพโดยใช้โปรแกรมตกแต่งภาพในภายหลัง

หาที่ตั้งแปลกๆ มาใช้ตั้งวัตถุ

แทนที่จะวางวัตถุไว้กับพื้นโต๊ะถ่าย หรือวางบนฐานสีขาวเพื่อหนุนให้สูงแล้วใช้โปรแกรมตกแต่งภาพลบฐานนี้ออกในภายหลัง ให้ลองคิดนอกกรอบโดยหาสิ่งของที่ปกติไม่ได้ใช้เป็นที่ตั้งสำหรับวางของ ตัวอย่างเช่น หาลังไม้เก่าๆ มาใช้วางขวดไวน์และแก้วไวน์ หาหนังสือปกแข็งสองสามเล่มวางซ้อนกันสำหรับวางแก้วกาแฟ หาอิฐบล็อกสี่ห้าก้อนมาวางตั้งบ้างนอนบ้าง ซ้อนกันบ้าง แล้วเอารองเท้ามาวางบนก้อนอิฐข้างละก้อน นอกจากนี้เรายังอาจใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายเป็นที่วางของก็ได้ เช่น วางบนมือ ท้อง ศีรษะ หรือหาของที่มีรูปทรงเรขาคณิตก็สามารถนำมาใช้เป็นที่ตั้งได้ หรือจะใช้โปรแกรมตกแต่งภาพตัดต่อวัตถุไปตั้งอยู่บนสิ่งของในภาพอีกภาพหนึ่ง

เพิ่มบุคลิกในตัววัตถุ

ภาพถ่ายวัตถุประเภทเดียวกัน หากเป็นภาพที่ไม่มีการจัดฉากประกอบก็จะดูคล้ายคลึงกันหมด จะมีการจัดแสงและมุมกล้องที่อาจต่างกันบ้าง การจะสร้างภาพให้มีความแตกต่างนอกจากจะหาของมาประดับฉากเพิ่มแล้ว ในการเลือกของประดับ เราควรจะสร้างเรื่องราวให้กับภาพวัตถุที่จะถ่ายทำ สิ่งที่จะทำให้ภาพมีคุณค่ามากขึ้นและมีเอกลักษณ์คือทำเรื่องราวในภาพให้แสดงถึงบุคลิกเฉพาะของวัตถุ เช่นในการถ่ายภาพนาฬิกาข้อมือ วางนาฬิกาบนก้อนหินที่ครึ่งหนึ่งจมอยู่ในน้ำ บรรยากาศเหมือนมีพายุและคลื่นถาโถมเป็นระลอกๆ บนตัวเรือนมีหยดน้ำเกาะอยู่ จะได้ภาพที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของนาฬิกาที่ทนต่อสถานการณ์ต่างๆ อีกตัวอย่างเช่น ภาพชามอาหารที่มีน้ำข้นสีแดง มีเม็ดพริกสวยๆ อยู่ เห็นควันลอยแสดงถึงยังอุ่นๆ อยู่ ตั้งอยู่ข้างๆ เตาไฟที่มีไฟคลุกรุ่น แสดงถึงความเผ็ด ความร้อนแรงของอาหารในชามนั้นนั้น อนึ่งหากเป็นการถ่ายเพื่อทำโฆษณา ควรปรึกษาตกลงกับเจ้าของสินค้าก่อนจะดำเนินการ

ศึกษาจากภาพที่ชอบ

บ่อยครั้งที่เรารู้สึกคิดหาแนวการถ่ายภาพใหม่ๆ ไม่ออก สิ่งที่จะช่วยได้คือ ลองเปิดดูภาพประเภทเดียวกับที่เราจะถ่ายทำในเว็บไซต์ หนังสือ ใบปลิวโฆษณา แคตตาล็อก จะพบว่ามีภาพหลายภาพสามารถช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราและให้แนวคิดสำหรับต่อยอด คัดภาพที่เข้าเกณฑ์ไว้แล้วประมวลดูว่าเราจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในช่วงที่ว่างจากการงาน ลองเปิดดูภาพต่างๆ หาภาพแนวที่ชอบ ลองวิเคราะห์เบื้องหลังการถ่ายทำภาพนั้นๆ ตั้งแต่การจัดฉาก ของที่นำมาประดับ การจัดแสง การจัดมุมกล้อง การจัดองค์ประกอบของภาพ โทนสีที่ใช้ ประมาณการค่าต่างๆที่ตั้งกล้องไว้ แล้วศึกษาดูว่าภาพนั้นกำลังสื่ออะไรให้ผู้ชม และอะไรที่ช่วยในการสื่อสารนั้น ช่างภาพนอกจากมีความชำนาญในการใช้เครื่องมือต่างๆ แล้ว ควรมีประสบการณ์และความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบสร้างภาพ

ภาพถ่ายวัตถุ (Objects) หน้า 2

คลิกเลือกหมวดภาพ

People | Animals | Scenery | Structures | Operations | Objects | Abstracts | Miscellaneous |

ภาพที่แสดงเป็นภาพรายละเอียดต่ำ ไม่สงวนสิทธ์ในการนำไปใช้งานยกเว้นภาพที่มีลายน้ำและภาพบุคคล สนใจภาพรายละเอียดสูงโปรดติดต่อ
โรงพิมพ์สุพรีมพริ้นท์  โทร 02722 0860  email:
sales.supremeprint@gmail.com

The presenting images are in low resolution and are free for use except those embossed with watermarks and those concerning person(s). For high resolution images, please contact Supremeprint: 02722 0860 email:
sales.supremeprint@gmail.com
 

 < PREV        
จำนวนรูป : 94 รูป
( เข้าชมอัลบั้ม )

1 2  [ถัดไป]